จากกรณีป้าสวย หลอกขายบ้านทิพย์ ที่ผู้ซื้อส่งค่าผ่อนบ้านได้ไม่เท่าไหร่ จู่ๆ มีเจ้าของตัวจริงมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ และไม่เคยประกาศขาย ทำให้บางคนไม่มีที่อยู่ ต้องย้ายออกไปหาบ้านเช่า บางคนต้องต่อรองกับเจ้าของบ้านตัวจริงขออยู่ไปก่อน เพื่อรอเคลียร์ปัญหาให้จบและต้องการเงินคืน ตอนนี้มีผู้เสียหายกว่า 10 คน ต่อมา ทีมข่าวได้ข้อมูลจากสหกรณ์ในพื้นที่ ป้าสวยจัดสรรที่ดินขาย ไม่ได้ผ่านมติสหกรณ์ โดนแจ้งความไปเมื่อปี 2563 และอยู่ระหว่างตรวจสอบพฤติการณ์ปลอมแปลงเอกสารและยักยอกทรัพย์
ล่าสุด ทีมงานเพจสายไหมต้องรอด พาผู้เสียหายที่ถูกหลอกซื้อบ้าน รวมทั้งสิ้น 13 คน เดินทางเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรบ้านหมอ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์และดำเนินคดีกับป้าสวย บุคคลที่ทำตัวเป็นเจ้าของบ้านและนายหน้าประกาศขายบ้านในพื้นที่อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี
ผู้เสียหายบางคนตอนนี้ไม่มีที่อยู่ ต้องออกไปหาบ้านเช่า เนื่องจากจ่ายค่าผ่อนบ้านไปสักระยะ จู่ๆ มีเจ้าของบ้านมาแสดงตัว ว่าไม่เคยประกาศขาย บางคนถามไปทางป้าสวยว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน และไม่คืนเงินให้ รวมถึงไม่สามารถหาโฉนดบ้านมายืนยันกับผู้เสียหายได้ ถึงขั้นต้องร่างสัญญาขึ้นมาเอง ระบุข้อความ "ขอให้ผู้เสียหายที่ซื้อบ้านหยุดส่งค่าบ้าน เนื่องจากป้าสวย ไม่สามารถหาหลักฐานโฉนดที่ดินของบ้านมายืนยัน" และป้าสวยยังมีพฤติกรรมที่พอเจ้าของบ้านไล่ผู้ซื้อที่เป็นผู้เสียหายเดิมออกไปแล้ว ก็ยังคงลงบ้านประกาศขายจนมีผู้ซื้อใหม่เข้ามาหลงเชื่อและซื้อ โอนเงินให้ป้าสวยอีก จนกลายเป็นเรื่องบ้านที่มีเจ้าของซ้อนกันเป็นงูกินหาง ส่งแต่เงินผ่อนให้ป้าสวยเป็น 10 ปี แต่ไม่ได้อยู่บ้าน
หลังจากผู้เสียหายทั้งหมดแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว ได้พาทีมงานสายไหมต้องรอดและผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ดูบ้านของตัวเอง ซึ่งบ้านของป้าสวยก็อยู่ในที่ดินผืนนี้ด้วย โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบ้านหมอได้ร่วมลงพื้นที่ไปด้วย โดยทันทีที่ไปถึงหน้าบ้านป้าสวย ผู้เสียหายได้พยายามตะโกนเรียกให้ป้าสวยออกมาพูดคุยกัน แต่ปรากฏว่าไม่มีเสียงตอบรับออกมา แต่จากการที่ผู้สื่อข่าวสังเกตประตูบ้านด้านในเปิดไว้และมีเงาคนเดินอยู่ในบ้าน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวและขอเข้าไปพูดคุย ซึ่งบุคคลภายในบ้านได้ตะโกนอนุญาตให้ตำรวจเข้าไปได้ แต่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวและบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป
หลังจากพูดคุยกันได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ตำรวจได้กลับออกมาแจ้งกับทีมงานสายไหมต้องรอด และผู้สื่อข่าวว่า ทางป้าสวยไม่ต้องการที่จะออกมาพูดคุยด้วย และได้อธิบายเรื่องราวบางส่วนให้กับตำรวจฟังด้วยอาการเครียด บางช่วงร้องไห้ และบ่นว่าอยากจบชีวิต พร้อมยืนยันว่าทำทุกอย่างถูกต้อง และพร้อมจะทำทุกอย่างตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งหลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะต้องเรียกทางป้าสวยเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่จะต้องรวบรวมหลักฐานจากผู้เสียหายทั้งหมดก่อน โดยตอนนี้ทางผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านหมอได้สั่งการให้เพิ่มพนักงานสอบสวนเข้ามาดูแลคดีนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นคดีที่มีรายละเอียดค่อนข้างมากและซับซ้อน จากนั้นก็จะมีการเรียกบุคคลที่ป้าสวยอ้างถึง ไม่ว่าจะเป็นนายทุนต่างๆ หรือบุคคลที่ 3 ที่ป้าสวยอ้างว่าได้มอบกรรมสิทธิ์โฉนดให้ตัวเองสามารถมาสร้างสิ่งปลูกสร้างและขายได้ เข้ามาให้ข้อมูล
ด้านผู้เสียหายที่ถูกป้าสวยหลอกซื้อที่ดินพร้อมบ้าน เล่าว่า ตนเห็นจากการลงเพจ มีการขายบ้านพร้อมที่ดิน ตนจึงได้เข้ามาดูบ้านดังกล่าว ซึ่งบ้านหลังที่ตนเองเช่าซื้อเป็นหลังเดียวที่ยังสร้างไม่เสร็จ ขึ้นแค่เสารูปแบบทรงโมเดิร์น ตนจึงตกลงจองบ้านหลังนี้และก็เข้ามาทำสัญญากับป้าสวย วางเงินดาวน์และยังจ้างช่างต่อเติมพิเศษอีก ตนส่งเงินค่างวดมาตลอดจนมาถึงปี 2563 จนมีความผิดปกติ ตนจึงได้รวมกลุ่มกันกับเพื่อนบ้าน ไปสอบถามกรมที่ดินจนรู้ว่าดินแปลงที่แบ่งขายพร้อมบ้านอยู่กรมบังคับคดี เพราะป้าสวยนำที่ไปจำนองไว้จนถูกยึด สอบถามจากกรมบังคับคดีได้แนะนำให้รวมเงินกันไปไถ่ถอนออกมา จนต่อมาได้ไปสอบถามอีกก็ได้รับคำตอบว่ามีคนนำเงินมาไถ่ถอนไปแล้ว จนพวกตนไปขอคัดลอกโฉนดที่ดินจากกรมที่ดินใน อ.พระพุทธบาท จนมารู้ชัดว่าพวกตนถูกโกงเงินไป
ส่วนผู้เสียหายอีกราย เล่าว่า ตนเห็นการโพสต์ขายบ้านพร้อมที่ดินผ่อนตรงกับเจ้าของ ไม่ต้องผ่านธนาคาร ตนเองติดบูโรอยู่แล้ว ไม่สามารถไปกู้ธนาคารได้ ตนก็ทำการติดต่อกับป้าสวยผ่านทางเฟซบุ๊ก เพื่อจะซื้อขายบ้านกัน จนมีการนัดหมายไปดูบ้านพร้อมที่ดิน เนื้อที่ 50 ตารางวา พื้นที่ว่างอีก 50 ตารางวา รวมราคาบ้านกับที่ดินแล้วประมาณ 700,000กว่าบาท โดยป้าสวยบอกกับตนว่าก่อนเข้ามาอยู่ขอเงินจอง 5,000 บาท ตนจึงโอนเงินไปให้ป้าสวย
จากนั้นตนขอป้าสวยทยอยจ่ายเงิน ตนได้ขอเข้ามาอยู่ในบ้านที่เช่าซื้อ จนตนได้ทำการตกแต่งบ้านเพิ่มเติม ตนจึงถามกับป้าสวยว่าจะทำสัญญาได้เมื่อไร จนมีเจ้าของบ้านตัวจริงมาแสดงตนและถามตนว่ามาอยู่ในบ้านเขาได้อย่างไร ตนเองก็งง ตนจึงบอกกับเจ้าของบ้านว่า ป้าสวยขายบ้านหลังนี้พร้อมที่ดินให้ตน จังหวะเดียวกันป้าสวยก็เดินมาเจอเจ้าของบ้านตัวจริงแล้วได้ชวนเจ้าของบ้านตัวจริงไปคุยธุระกันก่อน
เจ้าของบ้านตัวจริงได้แสดงความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อนเลยว่าป้าสวยเอาบ้านที่เขาซื้อมาขายให้ตน ตนจึงได้ถามไปว่าเงินที่ตัวเองเสียไป เจ้าของบ้านตัวจริงบอกตนว่า ตนเองไม่เคยได้รับเงินเลย ตนเองรอเงินคืนมาตลอดและถูกบ่ายเบี่ยงจนทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้เงินคืนรวมเป็นเงิน 70,000 กว่าบาท