จากกรณีคลิปเหตุการณ์ รถคันหนึ่งชนแล้วหนี พร้อมลากคนที่เกาะอยู่ข้างหน้าไปด้วย ระบุข้อความว่า “ชนแล้วหนี แยกวชิระ มุ่งหน้าสะพานกรุงธน” โดยสาวขับเก๋งชนแล้วหนี ลากหญิงเกาะหน้ารถ ฝ่าไฟแดงชนแหลก
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 25 ก.ค.67 น.ส.เปิ้ล อายุ 56 ปี ผู้เสียหายที่เกาะหน้ารถและโดนรถลากไป ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงเวลา 09.30 น. วันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา รถคู่กรณีมาชนท้ายรถตน แถวหน้าโรงพยาบาลราชวิถี ตนจึงเปิดกระจกเรียก บอกให้จอดรถข้างทาง แต่เขาไม่ยอมเปิดกระจกลง ตนเลยขับไปปาดหน้าเพื่อให้เขาจอด
พอเขาจอดเพราะไปไม่ได้ ตนเลยลงจากรถ มาเคาะกระจกแล้วก็เรียกให้ลงมา เขาก็ตอบว่า “หนูจะไปข้างทางอยู่แล้วเนี่ย กำลังจะไปจอดข้างทาง” ปรากฏว่าพอขับไปต่อ เขาไม่ยอมจอด ตนเลยตัดสินใจขับรถไล่ตามไป จนถึงแถวไฟแดงที่เกิดเหตุ ซึ่งรถติดไฟแดงพอดี เลยลงจากรถ แล้วตะโกนให้คนช่วย พร้อมเรียกคู่กรณี โดยไปยืนขวางหน้ารถเขา
ซึ่งเขาก็ยังไม่ยอมจอด พยายามเหยียบคันเร่งดันชนตน ทีแรกก็เบาๆ จนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนตนก็ไม่ไหว เลยต้องเกาะหน้ารถเขาไป ตนจึงตัดสินใจเกาะจับตรงช่องว่างระหว่างที่ปัดน้ำฝน เพราะไม่รู้จะหลบไปทางไหนแล้ว ระหว่างที่รถวิ่งแล้วตนโดนลากไป ในใจก็คิดว่า “ไม่รอดแน่ สงสัยตายแน่ๆเลย” ตนไม่เห็นสีหน้าคนขับ แต่ตะโกนเรียกให้คนช่วยอยู่ตลอดเวลา
โดยรอบแรกโดนรถลากไปประมาณ 20-30 เมตร เขาก็จอด พอตนพยุงตัวยืนขึ้นมาได้ เรียกให้คนช่วย พร้อมบอกให้เขาลงจากรถ เขาก็ยังไม่ยอมลง พร้อมดันตนอีกครั้ง จนตนเกาะรถไปอีกเป็นรอบที่ 2 รอบนี้เขาไปติดไฟแดงข้างหน้า น่าจะมีรถจอดอยู่ด้วย เขาเลยต้องหยุด เพราะไปต่อไม่ได้ ตนก็เลยลงจากรถ พร้อมปัดกระจกข้างรถข้างนึงหล่นแตกลงมาด้วย แล้วก็ไปหลบอยู่ข้างทาง คู่กรณีก็พยายามจะหนีต่อไป
“สีหน้าท่าทางคู่กรณีดูปกติ นิ่งๆ ไม่เหมือนคนเมา แต่ชี้หน้าดิฉันแล้วบอกว่า “ไม่ชอบคนนี้” ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไม เพราะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ตอนที่ไปเคาะกระจก ฝั่งนั้นบอกว่า “พี่ทำอย่างนี้ไม่ถูกนะ ทำอย่างนี้ไม่ได้นะ” หลังจากนั่นเขาก็ขับรถไปเลย” น.ส.เปิ้ล กล่าว
น.ส.เปิ้ล กล่าวอีกว่า ตอนรถติดไฟแดง ตนยังไม่ได้กลัว หรือคิดว่าเขาจะขับไปรถชนตนเข้ากับรถกระบะข้างหน้า คิดแค่ว่าเขาคงจะหยุดรถมาคุยกัน พร้อมฝากขอบคุณไรเดอร์และมอเตอร์ไซต์อีกหลายคันที่มาช่วยตน และพยายามขับตามคู่กรณีให้
“โดยดิฉันได้รับบาดเจ็บ มีการช้ำที่เข่า ระบมนิดหน่อยตรงซี่โครง ไม่คิดว่าจะต้องมาเกาะรถใครมาก่อน ซึ่งห้อยพระหลวงปู่ทวด มาตลอด ส่วนรถของดิฉันนั้นเป็นรอยถลอกเล็กน้อย แต่ตอนชนได้ยินเสียงดังมาก เลยคิดว่าจะเสียหายเยอะ ก็เลยจอดเรียกเขาลงข้างทาง และไล่กันไปตลอด ไม่ได้ดูรถตัวเองว่าเป็นอย่างไรบ้าง” น.ส.เปิ้ล กล่าว
ล่าสุดไปลงบันทึกประจำวัน แจ้งความที่สน.ดุสิต เมื่อเช้าตำรวจก็โทรตาม ให้มาสอบปากคำเพิ่มเติม ตำรวจก็ไล่ตรวจสอบกล้อง ติดตามกันดีมาก ขอบคุณตำรวจมากๆ คิดว่าจะดำเนินคดีคู่กรณี เอาให้ถึงที่สุด ปล่อยไว้ไม่ได้ อันตรายต่อสังคม ถ้าเขามาขอโทษหรือมาขอจบดีๆ ก็จะคิดดูก่อน ยังไม่แน่ใจ แต่อยากให้เขามารับผิดชอบ มามอบตัว การที่เขาทำนิสัยแบบนี้ ไม่สมควรที่จะขับรถบนท้องอีกต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่สน.ดุสิต เจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผยยว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ทราบว่ารถ 2 คันเกิดเหตุเชี่ยวชนกันในช่วงโค้งแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยฝ่ายรถคันสีขาวเป็นคนขับชน เจ้าของรถกระบะ ซึ่งเป็นผู้เสียหาย จึงพยายามขับตามรถสีขาว เพื่อให้ลงมาเจรจา ระหว่างที่ติดไฟแดง ผู้เสียหายจึงลงมาเคาะกระจกรถคันสีขาวให้ลงมา แต่คนขับรถดังกล่าวไม่ยอมจอด จึงเกิดเหตุขับลากผู้เสียหายที่เกาะหน้ารถไปกว่า 30 เมตร ถึง 2 รอบ พร้อมผ่าไฟแดง 2 แยก
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด หลังจากที่รถคันสีขาวก่อเหตุชนผู้เสียหายเสร็จ มุ่งหน้าไปทางสะพานต่างระดับแยกบางพลัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังประสานสน.ที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอภาพกล้องวงจรปิด เส้นทางการหลบหนี ของรถเก๋งคันดังกล่าว ต่อมาผู้เสียหายจึงมาแจ้งความที่ สน.ดุสิต เมื่อช่วงเช้าวันนี้ โดยสอบปากคำผู้เสียหายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากการตรวจสอบพบว่า รถเก๋งคันสีขาวที่ก่อเหตุ มีชื่อผู้ครอบครองเป็นผู้ชาย มีทะเบียนรถและสำเนาทะเบียนบ้านอยู่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี แต่ตามการให้การของผู้เสียหาย แจ้งว่าผู้ก่อเหตุขับรถสีขาวเป็นผู้หญิง คาดว่าอายุประมาณ 30 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะหาจุดเชื่อมโยงระหว่าง 2 คนนี้ แม้จะเกิดเหตุหลายพื้นที่ แต่สำนวนและการแจ้งข้อหาจะอยู่ใน สน.ดุสิต
เบื้องต้นพยายามติดต่อเจ้าของรถที่เป็นผู้ชายไปแล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงออกหมายเรียกครั้งที่ 1
เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น กับหญิงผู้ก่อเหตุในข้อหา ขับรถโดยประมาท เชี่ยวชนและหลบหนี รวมถึงทำร่ายร่างกาย เนื่องจากขับชนคน แต่ไม่ถึงกับพยายามฆ่า และขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ซึ่งมีโทษไม่เกิน 3 ปี ก่อนจะนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป