ลูกชายเมาเหล้าขาว เอาน้ำร้อนราดศีรษะแม่จนพอง อ้างแม่ลุกมาชนกาน้ำร้อน ชาวบ้านไม่เชื่อ เพราะเห็นพฤติกรรมมานาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการแจ้งจากพลเมืองดีว่า ลูกชายกินเหล้าขาวเมาชอบทำร้ายแม่ของตัวเอง และทะเลาะกันเป็นประจำทุกครั้งที่กินเหล้า จนล่าสุดเอาน้ำร้อนราดหัวแม่จนเจ็บหนักต้องเข้าโรงพยาบาล

โดยเหตุเกิดที่บ้านหลังหนึ่ง พื้นที่บ้านโคกป่าจิก ต.ปรือ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2567 เวลา 21.00 น.ที่ผ่านมา ขณะเกิดเหตุ ทางกู้ชีพตำบลปรือฯได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บโดนน้ำร้อนลวกทั้งตัว จึงได้ลงพื้นที่เกิดเหตุ และทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แล้วนำตัวส่งโรงพยาบาล

ผู้บาดเจ็บเป็นหญิง อายุ 64 ปี โดนลูกชายที่อยู่ในอาการมึนเมา เอาน้ำร้อนราด ตั้งแต่ศีรษะ จนถึงแผ่นหลัง,คอ และบริเวณใบหน้า มีแผลพุพองเต็มตัว

ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่สอบถามชาวบ้านและเพื่อนบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ปรากฏว่าทุกคน พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าบ้านนี้อยู่ด้วยกัน 3 คน พ่อ แม่ ลูก ทุกคนจะกินเหล้าขาวเป็นประจำ ทุกครั้งที่มีการกินเหล้าขาวลูกชายก็จะมีอาการค่อนข้างจะก้าวร้าวและอารมณ์โมโหเร็ว แล้วก็จะมีการทะเลาะกัน

จิตใจทำด้วยอะไร ลูกชายขี้เมา ต้มน้ำร้อนเดือดๆ ราดหัวแม่ ชาวบ้านไม่เชื่อ ยายชนหม้อต้มเอง

บางครั้งก็เอาเสียมไล่ตีกันบ้าง บางครั้งก็จะเอามีดไล่ฟันกันบ้าง ลูกชายคนที่ก่อเหตุคนนี้ อายุ 42 เคยมีเมียเป็นคนอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน และก็มีลูกสาว 1 คน แต่ก็ทนไม่ได้เพราะกินเหล้าแล้วจะอารมณ์โมโหร้าย จึงได้เลิกลากันไป ส่วนลูกสาวก็ไปอยู่กับบ้านญาติที่อยู่ในหมู่บ้านนั้นเช่นกัน

ขณะที่ ลูกชายปฏิเสธว่า ตนต้มน้ำร้อนเพื่อจะไปลวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แม่ของตนเลยลุกขึ้นมาชนทำให้น้ำร้อนลวก ตนไม่ได้ทำร้ายแม่แต่อย่างใด พร้อมทั้งสัญญาต่อหน้าชาวบ้านและผู้สื่อข่าวว่าจะเลิกเหล้าตลอดไป

อย่างไรก็ตาม ชาวบ้าน ผู้นำชุมชนต่าง ก็ไม่เชื่อว่า คุณยายจะลุกขึ้นไปชนหม้อต้มน้ำร้อน เพราะว่าพฤติกรรมของลูกชายคนนี้ ทุกครั้งที่มีการกินเหล้า จะมีพฤติกรรมค่อนข้างก้าวร้าวและอารมณ์ร้อนรุนแรงเป็นประจำ จึงเชื่อได้ว่าลูกชายคนนี้เอาน้ำร้อนลวกแม่แน่นอนในขณะที่มีอาการมึนเมา

ทั้งนี้ขณะที่ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ ลูกชาย ยังได้กลิ่นเหล้าขาวค่อนข้างจะรุนแรง คาดว่าน่าจะเพิ่งไปดื่มมา คาดว่ามีอาการติดสุราค่อนข้างหนัก ขณะที่ผู้เป็นแม่ที่โดนน้ำร้อนลวกยังไม่ออกจากโรงพยาบาล เพราะอาการค่อนข้างหนัก ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์