ลูกสาวหลั่งน้ำตา พ่อแม่เชื่อฤาษีสนิทใจ บังคับไปนวดรักษามะเร็ง หมอตรวจยังไม่เชื่อ

รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณี 2 ผัวเมียใน จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งสำนักฤาษี สามีเป็นฤาษี เมียเป็นแม่หมอ อ้างว่าสัมผัสได้ว่าใครป่วยไข้ ทักคนนั้น คนนี้ว่าเป็นมะเร็ง ต้อมารักษาด้วยการเปลือยกายให้ฤาษีนวดให้ ลูกสาวถูกพ่อแม่ที่หลงเชื่อฤาษี บังคับลูกสาวไปนวดรักษา แม้จะมีใบรับรองแพทย์มายืนยันว่าไม่ได้ป่วย พ่อแม่ก็ยังไม่เชื่อ

คุณกิ๊ฟ ผู้เสียหาย เล่าว่า สำนักดังกล่าวมาตั้งอยู่เกือบ 10 ปี ซึ่งพ่อและแม่ของตนก็เข้าไปเป็นลูกศิษย์อยู่ที่สำนักนั้นด้วย  สามีชื่อ ฤาษีเขียว กับภรรยาคือ แม่หมอพุธ อ้างว่าสัมผัสได้ว่าใครป่วยไข้ จะชอบทักคนนั้นคนนี้ว่าเป็นมะเร็ง เป็นโรคร้าย โดยฤาษีรักษาแม่ของคุณกิ๊ฟก่อน โดยฤาษีบอกว่าแม่เป็นมะเร็ง นวดรักษาจนแม่หาย แต่ตนไม่รู้ว่าแม่เป็นจริงไหม ป่วยจริงไหม เพราะไม่เคยไปตรวจ

หลังจากนั้น เขาก็มาบอกว่าแม่ตนว่า ตนป่วยเป็นมะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก ต้องมารักษาแบบเดียวกับแม่ คือฤาษีจะเคี้ยวหมากพลูแล้วมาพ่นใส่ ต้มยา จากนั้นจะให้ถอดเสื้อผ้า เปลือยกายนวดน้ำมัน

พ่อแม่บังคับให้ตนไปรักษากับฤาษี ตนก็พยายามปฎิเสธ บอกว่าตนอาจจะไม่ป่วยก็ได้ ขอไปตรวจก่อนได้ไหม แต่พ่อแม่เชื่อเขาไปแล้วสนิทใจ ก็บังคับให้ตนไปรักษา รอบแรกเสียค่ายาหม้อต้ม 3,300 บาท จากนั้นจ่ายอีก 300 บาททุกๆ 15 วัน เอาเงินใส่พานอีกรอบละ 100 บาท ต้องไปนอนเปลื้องผ้าให้เขานวดทุก 15 วัน ตนถูกบังคับให้ทำแบบนี้อยู่เป็นปีๆ 

ป้าของคุณกิ๊ฟบอกว่า ตอนแรกที่ลูกยอมทำตาม เพราะหวังว่า ถ้าทำไปแล้ว พ่อแม่จะได้เห็นว่า ลูกไม่ได้ป่วย ไปทำก็เพื่อพิสูจน์ว่าไม่จริง พ่อแม่จะได้ถอยออกมา แต่มาหนักที่สุดก็ตอนที่ลูกไปตรวจที่โรงพยาบาลจริงๆ ได้ผลตรวจมาจากหมอจริงๆ ว่าไม่ได้ป่วยเป็นอะไรเลย พ่อแม่ยังไม่ยอมเชื่อ

คุณกิ๊ฟ ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ปรากฎว่าร่างกายของตนปกติดี ไม่มีเชื้อมะเร็งตามที่หมอพุธบอก ตนจึงไม่อยากกลับไปรักษาที่สำนักของหมอพุธแล้ว แต่ทางพ่อและแม่ของตนก็ยังเชื่อหมอพุธและบังคับให้ตนไปนวดทุกสัปดาห์ แม้กระทั่งวันนี้ ตนไปฝึกงาน ไปเรียนต่างจังหวัด ต่างอำเภอ พ่อแม่ก็จะตามกลับมารักษา รบเร้า ไปเฝ้าหน้าหอพัง เพื่อที่จะบังคับให้ตนกลับไปนวด ซึ่งตนก็พยายามหลบไม่ให้เจอ แต่ก็หลบพ่อแม่ไม่ได้ตลอด สุดท้ายก็ต้องยอมกลับไปนวดอีก 

สุดท้ายทนไม่ไหว คุณกิ๊ฟมาขอความช่วยเหลือจากป้าและน้า จนติดต่อไปถึงนักข่าวในพื้นที่ มาพูดคุยสอบถาม จนกลายเป็นข่าวใหญ่โตขึ้นมา ตำรวจได้เข้าไปตรวจสอบสำนัก และควบคุมตัวสองผัวเมียคู่นี้แล้ว และตนได้ไปดำเนินการคัดค้านการประกันตัวไว้แล้ว ซึ่งทางทนายแก้วบอกว่า เป็นความผิดฐานอนาจาร ความผิดจะเป็นกรรมๆ ทำหนึ่งครั้ง ก็ผิด 1 กรรม อยากให้ผู้เสียหายทุกคนไปแจ้งความ ให้ดำเนินการเอาผิดให้ต่อเนื่องครบทุกกรรมไป

แต่ปรากฏว่าหลังจากที่ฤาษีกับหมอพุธโดนจับไป พ่อแม่ของคุณกิ๊ฟถึงกับประกาศตัดขาด ไม่เป็นพ่อแม่ลูกกันอีก เพราะลูกทำผิดต่อผู้มีพระคุณของพ่อแม่ คนที่ช่วยรักษามะเร็งให้พ่อแม่หายป่วย

นอกจากคุณกิ๊ฟ ก็ยังมีอีกหลายคนที่ถูกกระทำแบบเดียวกัน เคสที่น่าสงสารมากๆ เป็นเด็กหญิงอายุ 12 ปี พ่อแม่ไม่รู้เรื่อง อยู่กับตายาย ตายายบังคับไปรักษา เด็กกรีดร้อง ขัดขืน แต่สู้ไม่ไหว ผู้ใหญ่หลายคนบังคับจับเด็กให้นอน เปลื้องผ้าเด็ก แล้วยังมีคำพูดคำจาที่ล่วงละเมิดน้องทางวาจาอีก

ขณะที่คุณโพธิ์ อีกหนึ่งผู้เสียหายที่โฟนอินเข้ามา เล่าว่าภรรยาตรวจพบมะเร็งเต้านมระยะที่ 3 ไปรักษาแพทย์แผนปัจจุบัน หมอนัดตามระยะก็รักษาเรื่อยมา แต่ภรรยาไปรู้จากคนในหมู่บ้าน ว่าผัวเมียฤาษีนี้รักษาได้ ภรรยาก็เชื่อ ก็ไปรักษา ฤาษีพูดว่าเอาชีวิตเป็นเดิมพันเลย ว่ารักษาหาย ขอเวลาแค่ 3 เดือน ปรากฏว่าอาการภรรยาหนักยิ่งกว่าเดิม หน้าอกมีแต่น้ำเหลือง หนอง แทบจะระเบิดออกมา สุดท้ายภรรยาก็เสียชีวิต ตนแค้นมาก ไม่รู้มาก่อนเลยว่าการไปรักษากับฤาษีต้องไปนอนแก้ผ้านวดน้ำมันอะไรแบบนี้ ถ้าตนรู้ ตนไม่เอามันไว้แน่ แล้วมันสั่งห้ามไม่ให้ภรรยาตนกินยาของคนอื่น ยาหมอก็ห้ามกิน ให้กินแต่ยาต้มของเขาเองเท่านั้น กินจนเมียของตนเสียชีวิต

ทนายแก้วชี้ว่า การรักษาที่สั่งห้ามไม่ให้กินยาหมอ ถ้ารวบรวมองค์ประกอบหลักฐานดีๆ จะเข้าข่ายพยายามฆ่าได้ เพราะเขาเล็งเห็นผลว่า การห้ามไม่ให้กินยาของแพทย์ จะทำให้มะเร็งกระจายตัว จนถึงแก่ชีวิตได้

คุณโพธิ์ยังบอกอีกว่า ภรรยาตนเสียชีวิตไป สองผัวเมียฤาษีคู่นี้ไม่เฉียดมาใกล้งานศพด้วยซ้ำ ตนไม่เคยรู้เลยว่าเวลาที่เมียไปหาฤาษี เขาให้เมียตนทำอะไรบ้าง เขาให้ตนไปส่งตอนเช้า ไปรับกลับตอนเย็นเท่านั้น แล้วที่บอกว่าเอาชีวิตเขาเป็นเดิมพัน บอกเลยว่าตนไปเหยียบบ้านฤาษีนี้ไม่ได้เลย เพราะถ้าไป ตนต้องทำอะไรรุนแรงถึงกับติดคุกแน่