ลุงจรูญยืนยันไม่ถอนฟ้องครูปรีชา หลังประสบอุบัติเหตุรถชนจนได้รับบาดเจ็บ ชี้เพราะคดีอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลแล้ว เผยตนเชื่อในคำสาบาน และทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ใครทำอะไรไว้ก็รับไปแบบนั้น
ความคืบหน้า กรณี นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา ประสบอุบัติเหตุ หลังกลับออกมาจากศาลจังหวัดกาญจนบุรี จนได้รับบาดเจ็บกระดูกซี่โครงหัก ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
หลังครูปรีชาเกิดอุบัติเหตุ ได้มีผู้ออกมาตั้งข้อสังเกตว่าอุบัติเหตุในครั้งนี้ น่าจะเป็นผลมาจากการกล่าวคำสาบานของครูปรีชาและลุงจรูญ เมื่อครั้งเริ่มมีข้อพิพาทในคดีหวย 30 ล้าน จนนำไปสู่การฟ้องร้องกันไปมา
กระทั่ง ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำคุกครูปรีชา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในความผิดฐานร่วมกันฟ้องเท็จและกลั่นแกล้งผู้อื่นให้รับโทษทางอาญา ขณะที่ ในคดีที่ครูปรีชา เจ๊บ้าบิ่นและเจ๊พัช ถูกลุงจรูญฟ้อง ในข้อหาร่วมกันเบิกความเท็จต่อศาลนั้น ทั้งครูปรีชาและเจ๊พัช เจ๊บ้าบิ่น ต่างก็รับสารภาพแล้ว และรอฟังคำพิพากาจากสาลในวันที่ 28 ตุลาคมนี้นั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับร้อยตำรวจโทจรูญ วิมูล หรือ ลุงจรูญ ถึงเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับครูปรีขา โดยลุงจรูญ กล่าวว่า ทราบถึงข่าวที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งหากจะถามว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับครูปรีชา เป็นผลมาจากการกล่าวคำสาบานหรือไม่นั้น ตนก็คงตอบได้ยาก แต่โดยส่วนตัวแล้ว ตนเชื่อในคำสาบานของตน ส่วนคนอื่นนั้นตนไม่รู้ว่าเชื่อหรือไม่ และทุกเรื่องที่เกิดขึ้นล้วนเป็นผลมาจากการกระทำของแต่ละคน ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับไปแบบนั้น ส่วนเรื่องคดีความระหว่างตนกับครูปรีชา ก็ยังคงปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการในชั้นศาลและตนไม่มีความคิดที่จะถอนฟ้องให้แต่อย่างใด เพราะคดีทุกคดีก็อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลเรียบร้อยแล้ว
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์พูดคุยกับครูปรีชาที่ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา โดยครูปรีชากล่าวว่า ขณะนี้ยังคงมีอาการเจ็บที่หน้าอกอยู่ ส่วนผลการตรวจเบื้องต้น พบว่ามีกระดูกซี่โครงฝั่งซ้ายซี่ที่สี่หัก ในส่วนของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้น ครูปรีชายืนยันว่า ได้มีการพูดคุยกับหญิงสาวคู่กรณีแล้ว โดยฝ่ายคู่กรณีได้ขอโทษและบอกว่าฝ่ายของหญิงสาวคู่กรณีเป็นฝ่ายที่เกิดวูบขณะขับรถ จนทำให้รถเสียหลักข้ามเลนมาชนกับรถของครูปรีชา และคู่กรณีก็ยินดีที่จะรับผิดชอบทุกอย่าง
ทั้งนี้ ตนเองยังถือว่าโชคดีที่คาดเข็มขัดนิรภัยทำให้ไม่ถึงกับเสียชีวิต โดยในส่วนของคดีนั้น ก็ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอบปากคำตนเองและคู่กรณีอีกครั้ง ว่าจะมีการดำเนินคดีอะไรบ้าง