หญิงคนหนึ่งร้องเรียนมายังเพจโหนกระแสว่า ถูกนายจ้างซึ่งเป็นเจ้าของร้านข้าวแกง ขอยืมเงินไปหลายครั้ง ครั้งละหลักหมื่นถึงหลักแสน ยืมมาเรื่อยๆ ในช่วงระยะเวลาหลายปี จนยอดรวมกว่า 4 แสนบาท แต่ตนนี้กลับบ่ายเบี่ยง ไม่ใช้คืน อ้างแค่ว่า ไม่มีเงิน
ผู้ร้องเรียน เล่าว่า ทำงานเป็นลูกจ้างรายวันอยู่ที่ร้านข้าวแกงแห่งหนึ่งในภาคใต้ วันหนึ่ง หญิงเจ้าของร้าน อายุประมาณ 50 ปี ได้ขอยืมเงินตน อ้างว่าจะให้ดอกเบี้ยรวมกับค่าจ้างในแต่ละวัน ตนจึงให้ยืม เพราะคิดว่าจะมีรายได้เพิ่มเพื่อนำไปดูแลลูก เนื่องจากสามีตนเสียชีวิต
แต่ละครั้งจะยืม 3 หมื่นบ้าง 5 หมื่นบ้าง ครั้งที่ยอดสูงที่สุดคือ 1 แสน กระทั่งวันหนึ่งตนเห็นว่ายอดรวมมันเยอะ 3 แสนกว่าบาท จึงได้เริ่มทวงถาม ทางเจ้าของร้านจึงยืมตนเพิ่ม บอกว่าให้ครบ 4 แสน แล้วจะใช้คืนรายวัน วันละ 550 บาท ตนก็หลงเชื่อให้ไปอีก
สุดท้าย เจ้าของร้านให้มาแค่วันละ 100-200 บาท บอกว่ามีแค่เท่านี้ และหากวันไหนตนไม่ได้ไปทำงาน เจ้าของร้านก็จะไม่จ่ายทั้งค่าจ้างและเงินผ่อนหนี้ ทั้งๆ ที่เงิน 2 จำนวนนี้ไม่เกี่ยวกัน
ต่อมา เจ้าของร้านเริ่มตำหนิดุด่าตน แม้ตนจะทำอะไรผิดพลาดแค่เล็กน้อย ต่างกับลูกจ้างอีกคนที่แม้จะทำผิดพลาดมากกว่าก็ไม่ได้โดนต่อว่าอะไร ทำให้ตนรู้สึกกดดัน และไม่สามารถทำงานด้วยได้ จึงได้ขอลาออก
พอตนออกมาแล้ว เจ้าของร้านกลับไม่ใช้หนี้ตนเลย พอทวงถามก็ผลัดไปเรื่อยๆ บอกว่าจะผ่อนบ้าง จะให้ก้อนใหญ่ครึ่งหนึ่งบ้าง แต่ก็ไม่ได้ อ้างว่าไม่มีเงิน หรือหากอยากได้คืน จะไปฟ้องศาลก็ไปฟ้องได้เลย
นอกจากนี้ยังเคยมีช่วงที่ตนลำบากมากจริงๆ ไปขอเงินคืนก็ไม่ได้ จึงได้เอ่ยปากบอกกับเจ้าของร้านไปว่า ให้เจ้าของร้านไปคุยกับคุณพ่อของเขา ซึ่งเป็นข้าราชการเกษียณ ว่าจะสามารถช่วยได้ซัก 3 หมื่นก่อนหรือไม่ ซึ่งเจ้าของร้านก็ไปเอาเงินจากพ่อมาให้ตน
แต่ปรากฏว่า เจ้าของร้านกลับนำเงินจำนวนนั้นมาหักยอดหนี้ จาก 4 แสน เหลือ 3.4 แสน แถมยังบอกด้วยว่าตนเป็นคนยืมจากพ่อเขา ตนก็ต้องรับผิดชอบชดใช้ โดยเป็นเงินต้น 3 หมื่น และดอกเบี้ยอีก 3 หมื่น
ตอนนี้อยากให้เจ้าของร้านตกลงชดใช้ให้เป็นเรื่องเป็นราว ตนไม่คิดดอกเบี้ยก็ได้ จะคิดยอด 4 แสน หรือยอด 3.4 แสน ก็ขอเพียงคืนมาบ้าง เพราะตนมีภาระต้องเลี้ยงดูแลลูก ตนเดือดร้อนมากๆ