‘แซม ยุรนันท์’ แจงไม่ได้เป็นผู้บริหาร ยอมรับช็อก! เห็นข่าวคนขายของไม่ได้จนคิดจบชีวิต เพราะเคยเห็นแต่มุมที่ประสบความสำเร็จ

หลังมีกระแสข่าวและการจับตามองธุรกิจขายตรง ‘แซม ยุรนันท์’ ซึ่งปรากฏชื่อและตำแหน่งอยู่ในบริษัทดังกล่าว ก็ถูกต่อว่าต่อขานว่าเป็นดาราลวงโลก

ล่าสุด แซมได้ตั้งโต๊ะแถลงยืนยันว่า ตนไม่ได้เป็นผู้บริหารตามที่หลายคนเข้าใจ ดูแลในการของการพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ มีหน้าที่เพียงนำเสนอเท่านั้น

ส่วนประเด็นที่มีข่าวว่า ตัวแทนบางคนขายสินค้าไม่ได้ หมดเงินหมดทอง เครียดจนคิดจบชีวิตตัวเองนั้น ตนยอมรับว่าตกใจ เพราะไม่เคยรับรู้ด้านนี้มาก่อน

แซม เผยว่า ในแต่ละเดือนนี้จะมีงานมอบรางวัลให้กับผู้ที่ขายดีระดับต้นๆ ของเดือน บรรยากาศที่เราเห็นก็จะอุดมไปด้วยคนที่มีความหวัง มีความสุข คนที่ประสบความสำเร็จ ก็ภูมิใจรู้สึกว่าเขามาขอบคุณว่าเราให้โอกาสที่ดีกับเขา จากคนที่มีชีวิตที่ลำบาก สามารถทำให้เขาเติบโตขึ้นได้

ตนเพิ่งมาเห็นข่าวนี้เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา เพิ่งรู้ว่ามันมีมุมอีกมุมนึงด้วยหรอ เราเห็นแต่คนที่ประสบความสำเร็จแล้วก็ภูมิใจในความสำเร็จ ดังนั้นเราก็ยินดีกับเขา บางครั้งเขาก็มาเล่าเรื่องราวให้เราฟังบนเวที เรารู้สึกอิ่มเอม ตนยังคุยกับเพื่อนที่อยู่ด้วยกันว่าไม่เคยมีความรู้สึกนี้ เพราะเราไม่เคยย่ำแย่จนกระทั่งมามีชีวิตใหม่แบบนี้

แต่พอเรามาเห็นข่าวเราก็ช็อก ในฐานะเราคือคนๆ หนึ่ง ซึ่งเห็นคนตกทุกข์ได้ยากจะด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ มันเป็นความรู้สึกของคนไทยทั่วไป ใครจะน้ำท่วม ใครจะไฟไหม้ คนไทยก็เป็นห่วงกันแล้ว

เรารู้สึกว่า เฮ้ย! บางคนถึงขนาดว่าซื้อของเป็นจำนวนมากขายไม่ได้หมดเลย บางคนถึงขนาดล้มละลาย บางคนถึงขนาดคิดจบชีวิต มันเป็นมันเป็นเรื่องคนละด้านกับที่เรารับรู้เลย

เราเข้าใจอยู่แล้วว่าคนจะซื้อของไปเป็นร้อยคน เอาไปขาย ทุกคนจะขายดีหมดมันก็อาจจะเป็นไปไม่ได้ ก็เหมือนเราเรียนอยู่ในห้องเรียน มันก็มีคนเพื่อนคนที่เก่งแล้วได้ที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 หรือบางคนก็เฉยๆ แต่มีความสุขในการเรียน แต่ก็จะมีคนสอบตก ถ้าเราอยู่ในห้องเดียวกัน ถ้าเรารักเพื่อนเรา เราจะพยายามช่วยเพื่อนเราให้เขาไม่ซ้ำชั้นไม่สอบตก เราจะช่วยยังไง

หรือหากมีคนสอบตกเยอะขึ้นเรื่อยๆ โรงเรียนหรือครูบาอาจารย์ก็ต้องมาคิดเหมือนกันว่ามันมีอะไรผิดปกติ ทำไมเขาตกเยอะขึ้น การเรียนการสอนมันไม่ได้ผล หรือเราสอนไม่ดี หรือว่ามันมีปัญหาอะไร อันนี้ก็เช่นกัน บริษัทก็ต้องเอากลับไปศึกษาว่ามันมีคนขายดี เราจะมัวแต่ชื่นชมคนที่ขายดีได้รับรางวัล แล้วคนที่เขาขายไม่ได้ล่ะ เขามีปัญหาอะไร

ตนคิดว่าการพูดคุยจะเป็นเรื่องดีกับทั้ง 2 ฝ่าย คนที่ขายไม่ได้ก็จะได้หาทางในการช่วยขาย ในเวลาเดียวกันบริษัทเองก็จะได้เรียนรู้ว่าที่เขาทำไม่ได้เพราะอะไร สินค้ามันไม่ดีพอ หรือราคามันไม่เป็นธรรม อันนี้เป็นเรื่องที่เราต้องศึกษา

โดยตลอดการสัมภษณ์ แซมได้ย้ำตลอดว่า สำคัญที่สุดมากกว่าดรามาคือ เราต้องช่วยคนที่ได้รับผลกระทบหรือเดือดร้อน ต้องรีบหาทางช่วยเขาก่อน