มาร่วมตีแผ่กระแสที่แรงที่สุดในสังคม กับรายการโหนกระแสthaich3ช่อง 3 กด 33
ติดต่อเราfacebooktiktokxyoutube
honekrsaaehonekrsaae
thaich3ช่อง 3 กด 33honekrsaae
ข่าวกำลังโหน
โหนทุกข่าว
โหนบันเทิง
โหนไปมู
โหนร้องทุกข์
วีดีโอ
search
ปิด
honekrsaae
honekrsaae
มาร่วมตีแผ่กระแสที่แรงที่สุดในสังคม กับรายการโหนกระแส
thaich3ช่อง 3 กด 33
หน้าหลัก
ข่าวกำลังโหน
โหนทุกข่าว
โหนบันเทิง
โหนไปมู
โหนร้องทุกข์
วีดีโอ
Live
ติดต่อเราfacebooktiktokxyoutube

วิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ “โคลนนิงสุนัข” พา “พะแพง” สุนัขสุดที่รัก กลับสู่อ้อมอกของเจ้าของอีกครั้ง


ข่าวด่วน
15 เมษายน 25684,811
วิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ “โคลนนิงสุนัข” พา “พะแพง” สุนัขสุดที่รัก กลับสู่อ้อมอกของเจ้าของอีกครั้ง

โหนกระแสวันนี้ พาไปเจาะลึกเรื่องราวสุดซึ้ง กับเทปพิเศษว่าด้วยการโคลนนิงสุนัข คืนชีพ "เจ้าพะแพง" สุนัขสุดรัก กลับสู่อ้อมอกเจ้าของอีกครั้ง ด้วยความหวัง ความรัก และเทคโนโลยีล้ำยุค

 

ในรายการโหนกระแสวันนี้ "คุณไก่" หรือ นางสาวกัญจน์รัตน์ นักธุรกิจสาววัย 50 ปี จากอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ได้มานั่งพูดคุยเปิดใจกลางรายการ หลังกลายเป็นที่ฮือฮาว่าเธอทุ่มเงินกว่า 6 ล้านบาท เพื่อโคลนนิง "เจ้าพะแพง" สุนัขสายพันธุ์เฟรนช์บูลด็อกที่เธอรักเสมือนลูกสาว ให้กลับมาอยู่เคียงข้างอีกครั้ง โดยลูกสุนัขโคลนนิงที่มีชื่อเดียวกันว่า "พะแพง" ตอนนี้มีอายุ 5 เดือน มีสุขภาพแข็งแรง ร่าเริง และขี้เล่น ซึ่งคุณไก่บอกว่า เจ้าพะแพงตัวนี้คือผลลัพธ์ของการโคลนนิงที่สำเร็จ และถือเป็นสุนัขโคลนนิงผ่านการตัดต่อพันธุกรรมตัวแรกของประเทศไทย

 

คุณไก่เล่าในรายการว่า สุนัขตัวต้นแบบคือพะแพงที่เสียชีวิตจากโรคคุชชิ่ง ซึ่งเป็นความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อในสุนัข เธอรู้สึกเหมือนสูญเสียสมาชิกในครอบครัว จึงติดต่อไปยัง น.สพ.ศุภเสกข์ ศรจิตติ ผู้เชี่ยวชาญด้านสเต็มเซลล์และการโคลนนิง เพื่อขอให้ช่วยนำเจ้าพะแพงกลับมาอีกครั้งในร่างใหม่

 

ก่อนดำเนินการโคลนนิง คุณหมอได้สอบถามคุณไก่ใน 2 ประเด็นสำคัญ คือ หากเธอเสียชีวิตในอนาคต จะมีใครดูแลเจ้าพะแพงต่อหรือไม่ และเธอจะรับมือกับคำวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมได้หรือเปล่า ซึ่งคุณไก่ตอบอย่างมั่นใจว่าได้จัดทำพินัยกรรมมอบหมายให้ผู้ดูแลทั้งพะแพงและสุนัขอีก 16 ตัวไว้แล้ว ส่วนเสียงวิจารณ์ เธอยอมรับและเข้าใจ พร้อมบอกว่า สิ่งที่เธอทำไม่ใช่เพราะร่ำรวย แต่เพราะพะแพงเคยเป็นกำลังใจสำคัญในวันที่ชีวิตลำบาก การโคลนนิงครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่เงินไม่สามารถชดเชยได้ด้วยการซื้อสุนัขใหม่

 

กระบวนการโคลนนิงเริ่มจากการเก็บเซลล์หลังใบหูของพะแพง ส่งไปยังดูไบ ให้ทีมของ ศ.ดร.ฮวาง วู ซุก แพทย์ชาวเกาหลีใต้ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโคลนนิงดำเนินการ โดยต้องผ่านกระบวนการตัดต่อพันธุกรรมอย่างซับซ้อน ใช้เวลานานกว่า 1 ปี และสำเร็จในครั้งที่ 5 จากความพยายามทั้งหมด ซึ่งคุณไก่เปิดเผยว่า ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ราว 6 ล้านบาท โดยเฉพาะค่าตัดต่อพันธุกรรมที่มีมูลค่าสูงถึง 20 ล้านบาท แต่ได้รับการยกเว้นด้วยความเมตตาจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

 

เมื่อพะแพงตัวใหม่อายุได้ 4 เดือน คุณไก่ได้เจอหน้ากันเป็นครั้งแรก และบอกว่า เจ้าพะแพงจ้องตาเธออยู่นานราว 1 นาที ก่อนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองราวกับจำกันได้ พร้อมแสดงพฤติกรรมที่เหมือนกับตัวเดิม เธอถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่

 

"มีหลายคนบอกว่าที่ทำแบบนี้ฝืนธรรมชาติ ซึ่งตนเข้าใจและเคารพความเห็นต่าง แต่อยากให้มองอีกมุมว่านี่คือความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ และเป็นหนทางที่ความรักสามารถย้อนคืนกลับมาได้ โดยไม่เบียดเบียนใคร" 

 

ด้าน น.สพ.ศุภเสกข์ ศรจิตติ หรือ "หมอทู" ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัตว์คริสตัลเพ็ท และเป็นสัตวแพทย์รายแรกของไทยที่สามารถโคลนนิงสุนัขได้สำเร็จ โดยหมอทูเปิดเผยว่า “พะแพง” เป็นสุนัขตัวแรกของประเทศไทยที่ผ่านการ ตัดต่อพันธุกรรม ซึ่งต่างจากการโคลนนิงในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา ที่ไม่มีการตัดต่อยีนส์เลย

 

ที่ผ่านมา การโคลนนิงสุนัขจะใช้วิธีตัดชิ้นส่วนผิวหนัง เช่นใบหู จากสุนัขที่ตายไม่เกิน 5 วัน นำไปแช่แข็งในอุณหภูมิติดลบกว่า 160 องศาเซลเซียส แล้วใช้แม่สุนัขอุ้มบุญเป็นตัวตั้งครรภ์ แต่ในกรณีของพะแพง ต้องทำการโคลนนิงถึง 7 ครั้ง โดยลูกหมาตัวก่อนหน้านี้เสียชีวิตทั้งหมด จนกระทั่งสำเร็จในครั้งที่ 8 จึงได้พะแพงตัวปัจจุบันขึ้นมา

 

หมอทูอธิบายเพิ่มเติมว่า พฤติกรรมของสุนัขที่ผ่านการโคลนนิงมีความเหมือนเดิมแทบทุกประการ เจ้าของเดิมหลายรายเคยเล่าให้ฟังว่า สุนัขสามารถจดจำคนที่เคยไม่ชอบได้แม้เกิดใหม่ และยังคงนิสัยเดิมไว้ครบถ้วน ซึ่งก็รวมถึงพะแพงเช่นกัน เมื่อกลับมาจากต่างประเทศ ก็เดินไปกินน้ำที่เดิม ไม่เข้าห้องที่ไม่เคยชอบ ไม่มีความตื่นกลัวหรือแปลกแยกใด ๆ เลย

 

โดยทั่วไป ราคาการโคลนนิงอยู่ที่ราว 1 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 3.5 ล้านบาท) หากไม่มีการตัดต่อยีนส์ แต่ในกรณีของพะแพงมีความซับซ้อนสูง ทำซ้ำหลายครั้ง จึงต้องรวมค่าตัดต่อพันธุกรรมด้วย และแม้ว่าในประเทศจีนจะมีราคาต่ำกว่าราว 50,000 ดอลลาร์ แต่หมอทูยืนยันว่า คุณภาพของกระบวนการจากทีมวิจัยที่ร่วมมือกับ ดร.ฮวาง ในระดับสากลนั้นแตกต่างกัน

 

หมอทูยังเล่าว่า ปัจจุบันเขาร่วมงานกับทีมโคลนนิงที่ย้ายไปตั้งฐานที่ UAE (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) และในแต่ละปี จะมีผู้ติดต่อขอโคลนนิงประมาณ 3-4 ราย ความต้องการยังคงเท่าเดิม แม้ค่าใช้จ่ายจะสูง เพราะเป็นทางเลือกของผู้ที่มีกำลังทรัพย์และมีความผูกพันกับสัตว์เลี้ยงจริง ๆ

 

สำหรับมุมมองของหมอทูต่อเทคโนโลยีโคลนนิง โดยมองว่า การโคลนนิงไม่ใช่แค่เรื่องของความสุข แต่เป็นทางผ่านของการพัฒนาเทคโนโลยีการตัดต่อพันธุกรรม ที่อาจนำไปประยุกต์กับสัตว์ชนิดอื่นในอนาคต

 


แท็กที่เกี่ยวข้อง
#พะแพง#โคลนนิง#สุนัข