รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณีทันตแพทย์หญิง มาในคราบเพื่อนบ้านมหาภัย ขว้างปาข้าวของ ด่าทอ เอากล้องวงจรปิด เอาไฟส่องเข้ามาในบ้านของผู้เสียหายที่รั้วติดกัน ผู้เสียหายสาวเคยมาร้องโหนกระแส ออกรายการไปถึง 2 ครั้งเมื่อปีที่แล้ว คิดว่าเรื่องจะจบ แต่สุดทายกลับหนักข้อยิ่งกว่าเดิม
คุณตุ๊ดตู่ เล่าว่า ผ่านมา 1 ปี หลังมาออกรายการโหนกระแส พฤติกรรมหมอฟันเพื่อนบ้านคนนี้กลับหนักข้อยิ่งกว่าเดิม มีปัญหาเรื่องฉีดน้ำ ทิ้งขยะกระจัดกระจายนอกบ้าน ไม่ยอมทิ้งในถัง แล้วที่อันตรายมากๆ คือเวลาที่มีใครเดินผ่านหน้าบ้านเขา ทุกครั้งจะมีหมา 4 ตัวตัวใหญ่ วิ่งออกจากบ้านเขา มาวิ่งไล่คนทันที ไม่สามารถพูดได้ว่าหมาหลุดเอง หรือเขาจงใจปล่อย แต่บอกได้ว่า เวลาที่มีคนผ่านหน้าบ้านหมอฟันคนนี้ หมาจะวิ่งออกมา ทุกครั้งจริงๆ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีปัญหาเรื่องเขาเอาขยะมาทิ้งกระจัดกระจาย ไม่ยอมทิ้งในถังขยะบ้านตัวเอง ถังขยะเขาว่างเปล่า เราสุดจะทนแล้ว เพราะขยะเน่าเหม็น มีหมามาคุ้ย ส่งกลิ่นเน่าเหม็น แล้วก็กระจายมาถึงหน้าบ้านตน ตนเห็นว่าถ้าเป็นขยะเขาก็ต้องทิ้งในถัง ถ้าไม่ได้อยู่ในถังก็แปลว่าไม่ใช่ขยะ เราก็เลยอาสาโยนกลับเข้าบ้านเขาให้ พอเราโยนเข้าไป เขาก็โยนกลับออกมา โยนไปโยนมาแบบนี้จนมันเละ เราก็เลยเหวี่ยงถุงขยะขึ้นไปบนหลังคาบ้านเขา เขาปากลับมาไม่ได้ ก็เลยปล่อยหมาวิ่งมาไล่กวดเรา ปัญหาเรื่องนี้ลุกลามเป็นการปะทะคารม จนทำให้เราต้องแจ้งตำรวจมาระงับเหตุ
คุณตุ๊ดตู่บอกอีกว่า ตอนเรื่องราวเป็นข่าวเมื่อปีที่แล้ว ญาติเขาเข้ามาขอไกล่เกลี่ย มาทำกำแพงสูงกั้นบ้านเขากับบ้านเรา แม่เขา น้องชายเขา โทรมาขอร้องว่าไม่ให้เราเอาเรื่อง สัญญาจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ทำให้เราไม่ฟ้อง ไม่ดำเนินการทางกฏหมายอะไร แต่พอไม่นานเขาก็ทำอีก หนักกว่าเดิม เราจึงตัดสินใจว่า เราจะไม่ย้ายหนี ไม่อยากให้เขาคิดว่า เขาทำแบบนี้ แล้วไม่มีใครทำอะไรเขาได้ คนอื่นต้องย้ายหนี เราตัดสินใจจะสู้
คุณพี อดีตเจ้าของบ้านที่ขายบ้านต่อให้คุณตุ๊ดตู่ เล่าว่า ตอนที่มีปัญหาปีที่แล้ว ทำเรื่องส่งไปที่ทันตแพทยสภา ในตอนแรกสุดเขาตอบกลับมาว่าไม่ได้ผิดจริยธรรมวิชาชีพ เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ต่อมาก็มีคนโทรมาบอกว่ารับเรื่องแล้ว กำลังตรวจสอบ แต่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า
คุณตุ๊ดตู่บอกอีกว่า หลังออกรายการโหนกระแสไป มีคนติดต่อมาหาตน บอกว่าตอนที่เขาอยู่ที่หมู่บ้านเก่าก็สร้างปัญหาแบบนี้ แต่เพื่อนบ้านเก่าของเขาไม่ยอม ตามเอาเรื่องแบบถึงพริกถึงขิง จนตัวเขาเองอยู่ไม่ไหว ต้องขายบ้าน ย้ายหมู่บ้านออกมา พอมาอยู่ที่ก็เลยเข้าใจว่าเขาติดนิสัยหวาดระแวงว่าจะมีใครทำร้าย เอากล้องวงจรปิดส่องเข้าบ้านคนข้างบ้านแบบนี้
คุณลุงพล อีกหนึ่งสมาชิกในหมู่บ้าน บอกว่า ลูกบ้านหมู่บ้านนี้เป็นร้อยหลัง ทุกคนอยู่กันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ดูแล พูดคุยอัธยาศัยดี รปภ. เจ้าหน้าที่ พนักงานต่างๆ ก็ตั้งใจทำงานดูแลลูกบ้านอย่างดี มีอยู่หลังเดียวที่ทำแบบนี้ สร้างปัญหาจนคนในหมู่บ้านเอือมระอา ไม่อยากให้คนๆ เดียว มาทำให้ชุมชนเดือดร้อนแบบนี้
คุณพียังเล่าอีกว่า เคยเกิดเหตุมีเด็กในหมู่บ้าน มานั่งเล่นที่บ้านตน พอดึกๆ เขาขับรถกลับบ้าน ปรากฏว่าหมอฟันคนนี้ขับรถตามทันที บอกว่าจะตามดูว่าอยู่บ้านไหน ทำไมไม่กลับบ้าน ทำไมกลับดึกๆดื่นๆ พ่อแม่ไม่สั่งสอนหรือ เด็กโทรมาบอกตนให้ช่วยด้วย ปรากฏว่าพอตนตามไปดูเหตุการณ์ เขาก็ร้องกรี๊ดๆ อยู่ในรถ บีบแตรอยู่นาน10 นาที จนคนแตกตื่นทั้งหมู่บ้าน
คุณตุ๊ดตู่บอกอีกว่า เวลาที่เกิดเรื่องแล้วมีคนไปสอบถาม เอาเรื่องอะไรแบบนี้ เขาจะเล่นบทเหยื่อ เหมือนอย่างที่มีเรื่องปาขยะ เขาก็ไปบอกตำรวจว่า ตนปาขยะโดนหัวเขาเลือดออกเต็มตัว บาดเจ็บสาหัส
คุณพลอย อีกหนึ่งเพื่อนบ้าน โฟนอินเข้ามาบอกว่า คนในหมู่บ้าน ทุกคนจะกลัวตลอดเวลา ขนาดเราจ่ายค่าส่วนกลางไปเป็นหมื่น แต่ทุกคนไม่กล้าให้ลูกไปเล่นที่สวนสาธารณะ เพราะไม่รู้หมาเขาจะหลุดมากัดวันไหน แล้วที่สำคัญ เขามีพฤติกรรมขับรถเร็วในหมู่บ้าน เหยียบจนมิดไม่สนว่าใครจะเดิน ทั้งที่ในหมู่บ้านมันไม่ควรขับรถเร็ว
ส่วนตัวคุณพลอยมองว่า การใช้ความรุนแรง หรือบังคับใช้กฎหมายกับเขา ก็ไม่แก้ปัญหา ต่อให้เขาย้ายออกไปจากหมู่บ้านเรา เขาก็ไปทำที่อื่นอยู่ดี อยากให้จิตแพทย์มาดูแล ให้เขารักษาตัวจริงๆดีกว่า
ขณะที่เอก สายเต๊าะ โฟนอินเข้ามาบอกว่า การที่คนพยายามเอาชนะเขา มันเป็นการเอาชนะคะคานกัน มันไม่ได้มีประโยชน์ อยากให้ลองใช้วิธีทำดีกับเขา ไปดูแลเขา ดูสิว่าเขาจะดีขึ้นไหม
ท้ายที่สุดทุกฝ่ายมองตรงกันว่า คนที่เป็นสมาชิกในครอบครัว ต้องเข้ามาช่วยเหลือ มาจัดการ พาเขาไปรักษาหากเขาป่วย หรือมีปัญหาสุขภาพจิต เพราะการเอาชนะกันทางกฎหมาย ไปขึ้นโรงขึ้นศาลมาก็แล้ว ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ สุดท้ายต้องขอทั้งครอบครัวหมอ ขอทั้งหน่วยงานต้นสังกัด ทันตแพทยสภา ทุกฝ่ายต้องช่วยกันจริงๆ