จากกรณีที่นายโพธิ์ อายุ 58 ปี ชาวตำบลตะกรุดเหนือ อำเภอวิภาวดี สามีที่โฟนอินเข้ารายการโหนกระแส แฉพฤติกรรม สองผัวเมียฤาษี ทีหลอกให้ภรรยาของนายโพธิ์ที่ป่วยเป็นมะเร็ง ไปนวดรักษากับหมอฤาษี จนสุดท้ายเสียชีวิต โดยในรายการโหนกระแส มีการนัดแนะกับ หนุ่ม กรรชัย และ กัน จอมพลัง ว่าจะลงพื้นที่มาช่วยดูเรื่องนี้
ล่าสุดเมื่อเวลา 11:30 น. วันที่ 18 กรกฎาคม หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย และ กัน จอมพลัง และสาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี และทีมงาน ได้เดินทางมาถึง สภ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีชาวบ้านมารอต้อนรับเป็นจำนวนมาก ซึ่งในช่วงแรกที่เดินทางมาถึง กัน จอมพลัง ได้เดินเข้าไปภายในโรงพักพร้อมกับชาวบ้านและผู้เสียหาย
ได้สอบถามหา ผกก.สภ. แต่เจ้าหน้าที่ได้ตอบว่า ผกก.ไม่อยู่ลาไปอุปสมบท และไม่ได้สั่งการไว้ จึงทำให้มีปากเสียงกันเล็กน้อย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญกัน จอมพลัง และชาวบ้านพร้อมด้วยผู้เสียหายให้มารอที่ศาลาหน้า สภ. ก่อนที่ หนุ่ม กรรชัย เข้าไปพูดคุยกับรอง ผกก. และได้มีการเชิญเข้าห้องประชุมไปพูดคุยกันในประเด็นความคืบหน้าคดีของน้อง 20 ปีและกรณีภรรยาของนายโพธิ์
ทั้งนี้ได้ใช้เวลาในห้องประชุม ประมาณ 20 นาที ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งให้ทราบว่าขณะนี้ได้แจ้งข้อหาอนาจาร เปิดสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งศาลจังหวัดไชยา คัดค้านการประกันตัว
ในส่วนของผู้เสียหายที่เป็นเด็กอายุ 12 และ 14 ปีอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการสอบสวนร่วมกับสหวิชาชีพและ พม. ทั้งนี้ในเรื่องของนายโพธิ์ที่ภรรยาเสียชีวิต ได้เชิญ มาให้ปากคำแล้วจำนวนสองครั้งกำลังรวบรวมพยานหลักฐานและเพื่อพิสูจน์ทราบถึงการเสียชีวิต
โดยทางหนุ่ม กรรชัย ได้ฝากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามในเรื่องนี้ให้ด้วยโดยเฉพาะในเรื่องของนายโพธิ์ ก่อนที่จะเดินทางกลับเพื่อเตรียมตัวไปขึ้นศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี
โดยนายโพธิ์ กล่าวว่า ภรรยาของตนเดิมทีเป็นประธาน อสม. ที่อำเภอวิภาวดี มีการตรวจเช็คร่างกายตลอด แต่ต่อมาพบก้อนเนื้อที่เต้านมหลังจากไปตรวจหมอบอกว่ามีเชื้อมะเร็งจึงได้ทำการรักษาที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีมาตลอด แต่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาหมอได้เลื่อนนัด แต่ภรรยาบอกว่ามีอาการเจ็บที่เต้านมมากกว่าปกติ
จากนั้นยายของเด็กวัย 12 ปีซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหมอฤาษีได้มาชักชวนให้ไปรักษากับหมอฤาษีโดยเสียค่าใช้จ่ายวันละ 100 บาทและต้มยาหม้อละ 3000 บาทกินแต่ตนไม่รู้ว่ากินไปกี่หม้อ ทั้งทั้งที่ตนไม่มีความเชื่อในเรื่องนี้เลยแต่หมอฤาษียืนยันว่าจะรักษาให้หายภายในสามเดือนหากอาการไม่ดีขึ้นเอาชีวิตหมอฤาษีเป็นเดิมพัน
หลังจากรักษาได้ประมาณสองเดือนกว่าๆเริ่มมีน้ำเหลืองไหลพี่เต้านมเนื่องจากมีอาการบวมมาก และมีอาการเจ็บปวดอย่างทรมาน หลังจากเห็นว่าอาการหนักก่อนเสียชีวิตใน วันที่ 25 พฤษภาคมกลางดึกจึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาล
ต่อมาได้เสียชีวิตในช่วงเวลาประมาณตีสามของคืนวันที่ 26 พฤษภาคม โดยหมอบอกว่าการรักษากับยาสมุนไพรอาจทำให้เชื้อลุกลามไปอย่างรวดเร็วแต่หลังจากเสียชีวิตแล้วทางตำหนักฤาษีได้กล่าวหาว่าภรรยาของตนที่เสียชีวิตยังคงค้างค่ายาต้มอยู่แต่ตนก็แจ้งไปว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่ตอนยังมีชีวิตทำไมเอาเรื่องนี้มาพูดตอนเมียเสียชีวิตไปแล้ว
นายโพธิ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า จนรู้สึกเสียใจกับการกระทำของหมอฤาษีเป็นอย่างมากโดยขณะนี้ได้ปรึกษากับผู้รู้เพื่อที่จะดำเนินการฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจากตำหนักหมอฤาษีต่อไป