จากกรณีหญิง LGBTQ+ อายุ 30 ปี ขับรถเก๋ง BMW สีดำ ด้วยความเร็วสูง พุ่งชนท้าย จยย. แม่ที่เพิ่งไปรับลูกจากที่เรียนพิเศษ กำลังจะกลับบ้าน เป็นเหตุให้ทั้งสามแม่ลูกเสียชีวิต โดยหลังเกิดเหตุคนขับ BMW ได้ขอให้ชาวบ้านช่วยหาแมว เมื่อเจอแล้วได้ทิ้งรถเก๋ง อุ้มแมวหนีหายไปกับความมืด เหตุเกิดพื้นที่ ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร เมื่อค่ำวันที่ 27 พ.ย. ทางญาติผู้เสียชีวิตได้เก็บร่างของทั้งสามไว้ที่มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ จนกว่าคดีจะได้รับความเป็นธรรม ซึ่งที่ผ่านมามีการนัดเจรจาไกล่เกลี่ยถึง 2 ครั้ง ทั้งในส่วนของคดีอาญาและคดีแพ่ง แต่ปรากฏว่าผู้ก่อเหตุเบี้ยวนัดทั้ง 2 ครั้ง
นายณัฐพงศ์ บุญทองคง อัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี จ.ชุมพร ได้ทำหนังสือเชิญผู้ก่อเหตุให้มาประนีประนอมข้อพิพาทเรียกค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจากการกระทำความผิดทางอาญา โดยระบุวันนัดหมาย วันที่ 25 ธ.ค. 67 เวลา 13.30 น. ณ สำนักงานอัยการจังหวัดชุมพร
กระทั่งถึงเวลานัด 13.30 น. นายประกฤษณ์ พร้อมด้วยญาติๆ ได้เดินทางถึงสำนักงานอัยการจังหวัดชุมพร เพื่อเข้าพบนายณัฐพงศ์ บุญทองคง อัยการคุ้มครองสิทธิฯ เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยเยียวยาค่าสินไหมกับคู่กรณี แต่ปรากฏว่า คนขับ BMW ก็ยังไม่เดินทางมาตามนัดหมาย หรือส่งตัวแทนมาแต่อย่างใด
นายณัฐพงศ์ บุญทองคง อัยการคุ้มครองสิทธิฯ เปิดเผยหลังจากที่ใช้เวลาพูดคุยกับนายประกฤษณ์และญาติ กว่า 1 ชั่วโมงว่า สำหรับการไกล่เกลี่ยในครั้งนี้คู่กรณีไม่มา โดยทางคนขับ BMW ได้แจ้งมาว่าไม่สามารถเดินทางมาได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างรวบรวมทรัพย์สินเพื่อนำมาเยียวยาให้กับผู้เสียหาย ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิทธิของทางคู่กรณีที่จะมาหรือไม่ก็ได้
ส่วนนายประกฤษณ์ หลังจากที่ได้พูดคุยกันแล้ว สรุปได้ว่า ไม่ประสงค์ที่จะเชิญตัวคู่กรณีมาเจรจาไกล่เกลี่ยอีกต่อไปแล้ว ซึ่งก็จะมอบหมายให้ทางทนายความดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งกับคนขับ BMW ในชั้นศาลต่อไป
ต่อมา นายประกฤษณ์พร้อมญาติๆ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ปัญญา ท้วมศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดี เนื่องจากรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เกรงว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรม อีกทั้งหวั่นว่าทางคู่กรณีจะใช้เส้นสายทำคดีจากหนักให้เป็นเบา
พ.ต.อ.ปัญญา ได้กล่าวกับนายประกฤษณ์และญาติ ต่อหน้าผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำพยานบุคคลจนครบรอบด้านแล้ว และได้สรุปสำนวนเตรียมฟ้องศาลได้แล้ว เพียงแต่วันนี้ทราบว่ามีการนัดไกล่เกลี่ยค่าสินไหม ซึ่งเป็นคดีแพ่ง จึงรอว่าข้อตกลงเป็นอย่างไร เพื่อนำมาประกอบคู่กับสำนวนคดีอาญาในการส่งฟ้องศาลในครั้งเดียวกัน
แต่เมื่อไม่สามารถตกลงกันได้ ทางพนักงานสอบสวนก็จะปิดสำนวนพร้อมส่งศาล คาดว่าหลังปีใหม่ ประมาณวันที่ 7 ม.ค. 2568 แต่ทั้งนี้ก็จะพยายามดูวันที่เหมาะสมอีกครั้ง และขอยืนยันว่าให้ความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย ตำรวจจะทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่กดดันแต่อย่างใด ประกอบกับทาง ผบ.ตร. ได้ติดตามและกำชับเร่งรัดคดีให้ครอบคลุมรอบด้านที่สุด เพื่อจะได้คลี่คลายคดี สร้างความกระจ่างให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป
สำหรับข้อหานั้น ทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีในข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ, ขับรถขณะมึนเมา, ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่, ขับรถด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และหลบหนีไม่ให้ความช่วยเหลือ โดยทางผู้ต้องหาให้การรับสารภาพเกือบทั้งหมด แต่ได้ให้การปฏิเสธในข้อหาหลบหนี ซึ่งก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหา
ทั้งนี้ก็อยู่ที่ศาลว่าจะพิพากษาออกมาอย่างไร แต่ขั้นตอนที่จะถึงชั้นศาล ทุกถ้อยคำในสำนวน ทางอัยการจังหวัดก็จะตรวจสอบกลั่นกรองอีกครั้งเพื่อให้รัดกุมที่สุด
ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงผลเลือดของผู้ต้องหาที่ส่งไปตรวจ ว่าออกมาหรือยัง พ.ต.อ.ปัญญา กล่าวว่า เรื่องผลเลือด เนื่องจากว่าผู้ต้องหาเข้ามามอบตัวกับพนักงานสอบสวนหลังเกิดเหตุนานประมาณ 8 ชั่วโมง ทางตำรวจได้ให้เป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ทางลมหายใจแล้ว ค่าอยู่ที่ 29 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่เวลาส่งเลือดไปตรวจ ค่าในเลือดน้อย ต่ำกว่า 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเมื่อต่ำกว่า 20 แล้ว ทางแพทย์จะไม่รับรองผล นี่คือหลักการของทางการแพทย์ที่ตอบมาอย่างนี้
แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียหายในทางคดี ต้องเข้าใจความหมาย เพราะว่าเราได้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ด้วยวิธีเป่าทางลมหายใจไปแล้ว ซึ่งก็จะมีสูตรในการคำนวณตามประกาศของแพทยสภา สามารถคำนวณย้อนหลังได้ว่าหลังจากที่เป่าแล้วห่างกันจากช่วงเกิดกี่ชั่วโมง จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้