ที่หอพักแห่งหนึ่ง หมู่ที่ 13 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังกันเข้าปิดล้อมจับกุมตัวชาย อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม วันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ฐานกระทำความผิดในข้อหา พยายามฆ่าผู้อื่น,ชิงทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธฯ,มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง,พาอาวุธปืนไปในเมืองหรือหมู่บ้านฯ และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ
ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ ได้ก่อเหตุชิงทรัพย์ในร้านส้มตำ ภายในซอยกระทุ่มล้ม 9 หมู่ที่ 1 ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม เป็นสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา อีกทั้งยังได้มีการใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่เจ้าทรัพย์ จากนั้นได้หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจและได้มากบดานอยู่ในหอพักแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของแฟนสาวของผู้ต้องหา
ทั้งนี้สืบเนื่องจากภายหลังจากที่คนร้ายได้ก่อเหตุชิงสร้อยคอทองคำแล้วหนีออกนอกพื้นที่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์แก้ว ได้ทำการสืบสวนติดตามตัวคนร้ายเรื่อยมา กระทั่งแกะรอยจากกล้องวงจรปิดแล้วพบว่า เส้นทางการหลบหนีของคนร้ายมาสิ้นสุดอยู่ในบริเวณหอพักแห่งนี้ จึงได้มีการประสานกับตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน เพื่อขอกำลังในการจับกุมตัวคนร้าย ซึ่งครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าจับกุมตัวคนร้ายที่หลบซ่อนอยู่ในห้องพักนั้น
ปรากฏว่าคนร้ายได้พยายามที่จะขัดขืนการจับกุม ด้วยการขึ้นลำกล้องปืน ข่มขู่เจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ยังไม่มีการยิงต่อสู้หรือจับคนอื่นเป็นตัวประกัน ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ถอยออกมาวางแผนเข้าชาร์จตัวคนร้ายใหม่ โดยเบื้องต้นได้ให้ทางพี่สาว ภรรยา และลูกชาย รวมถึงนายกเทศมนตรีนครอ้อมน้อย ซึ่งเป็นบุคคลที่คนร้ายให้ความเคารพนับถือนั้น ช่วยกันพูดจาเกลี้ยกล่อมให้ยอมวางอาวุธปืนแล้วออกมามอบตัวแต่โดยดี
โดยทางพี่สาวบอกพร้อมที่จะช่วยน้องชายสู้คดี และขอให้น้องชายนึกถึงคำสาบานที่ให้ไว้กับแม่ก่อนที่แม่จะเสียชีวิตว่าจะไม่ทำผิดซ้ำอีก แต่ปรากฏว่าผ่านไปนานกว่า 2 ชั่วโมง คนร้ายก็ยังนิ่งเงียบ ปิดไฟ เปิดประตูห้องทิ้งไว้ ไม่ยอมออกมา ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงใช้วิธีส่งโดรนบินเข้าไปดูภายในห้อง ไม่พบคนร้ายอยู่ภายในห้อง แต่ยังคงเหลือในห้องน้ำกับหลังตู้เสื้อผ้า และบริเวณส่วนด้านหลังตรงพื้นซักล้างที่โดรนเข้าไม่ถึง จึงได้จัดชุดปฏิบัติการพิเศษฯ เข้าปฏิบัติการจับกุม พร้อมกันนี้ได้มีการโยนแก๊สน้ำตาเข้าไปในห้องก่อน แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
เมื่อทางเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบทุกซอกทุกมุมของห้องแล้วไม่พบตัวคนร้าย จึงเชื่อได้ว่าอาจจะปีนฝ้าเพดานหลบซ่อนตัวหนีการจับกุม ดังนั้นจึงปรับยุทธวิธีโยนระเบิดควันเข้าไปอีก 1 ลูก เพื่อทำให้คนร้ายตกใจกลัวและออกมา แต่ก็ยังไร้ผลเช่นเดิม สุดท้ายทางตำรวจจึงใช้วิธีการทำลายฝ้าเพดานทีละห้อง พบคนร้ายหลบซ่อนตัวอยู่บนฝ้าเพดานจริงๆ ทางตำรวจจึงได้เรียกให้ลงมามอบตัว ซึ่งก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด โดยได้มอบอาวุธปืนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน จากนั้นจึงปีนลงมายอมมอบตัวแต่โดยดี รวมแล้วใช้เวลาในปฏิบัติการปิดล้อมจับกุมตัวนานกว่า 4 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ช่วงที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทีละห้องนั้น ลูกชายได้พูดเกลี้ยกล่อม ขอร้องให้พ่อออกมา โดยบอกว่า "สงสารหนูเถอะ หนูเรียนก็เหนื่อยแล้ว หนูทำงานก็เหนื่อย หนูไม่ใช่ไม่รักพ่อ หนูก็รักพ่อไง พ่อออกมามอบตัวเถอะ อย่าทำให้หนูไม่สบายใจ พรุ่งนี้หนูก็สอบ หนูก็ต้องมาหาพ่อ หนูอ่านหนังสือ หนูก็อ่านไม่รู้เรื่อง หนูเป็นห่วง หนูไม่มาก็ได้ แต่หนูก็มาไง หนูก็รักพ่อหนู พ่อออกมาเถอะ
พ่อสัญญากับหนูแล้วไงว่าจะไม่เล่น แต่พ่อทำแบบนี้กับหนู พ่อทำเพื่ออะไร สงสารกันก็ออกมาเถอะ พ่อมีอะไรที่เป็นอาวุธก็ยื่นออกมา ไม่ต้องเก็บไว้ เดี๋ยวหนูขึ้นไปรับเอง สงสารหนู ทำเพื่อหนูเถอะ เรียนก็เหนื่อย ทำงาน 6 โมง เลิกตี 2 เหนื่อยจะบ้าตาย ออกมาเถอะ ถ้าพ่อไม่ออกก็โทรมาก็ได้ ให้ไปรับก็ได้ ออกมาเถอะ สงสารกันไหมล่ะ" โดยข้อมูลเบื้องต้น ลูกชาย บอกว่า ตนเองไม่ได้อยู่กับพ่อ และรู้ว่าพ่อมีปัญหาเรื่องหนี้สิน เพราะเคยมาขอเงิน ซึ่งตนเองก็ต้องทำงาน เพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียน
ด้าน พ.ต.อ.สร บอกว่า ห้องที่จับกุม คือ ห้องที่อยู่ติดกับห้องที่คนร้ายพักอาศัย โดยขณะที่เข้าจับกุมนั้น อาวุธปืนยังไม่ได้บรรจุเครื่องกระสุน แต่คนร้ายมีเครื่องกระสุนปืนจำนวนมากครอบครองไว้โดยใส่ไว้ในถุงพลาสติก ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ถือว่าทุกฝ่ายปฏิบัติการผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ไม่มีการเสียชีวิตหรือมีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ขณะที่ทางด้านพี่สาว และแฟนสาว บอกว่า คนร้ายเป็นคนจังหวัดนครปฐม ก่อนหน้านี้กลับไปดูแลแม่ที่ป่วยจนแม่เสีย ก็มาทำงานเป็นช่างไฟฟ้าในพื้นที่อำเภอกระทุ่มแบน โดยปกติจะไม่ค่อยมาพักที่นี่บ่อยนัก จนเมื่อไม่กี่วันมานี้กลับมานอนที่ห้องก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะไม่รู้ว่าไปก่อเหตุชิงทอง โดยเพิ่งจะมารู้ก็ตอนที่ตำรวจเข้าจับกุม ส่วนพฤติกรรมเป็นคนติดการพนันออนไลน์มานานแล้ว