หญิงคนหนึ่งร้องเรียนมายังเพจโหนกระแสว่า ถูกสามีที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสทำร้ายร่างกายอย่างหนัก แต่ละครั้งสามีไม่ได้สำนึกและไม่ยอมรับว่ากระทำผิด
หญิงผู้ร้องเรียน เล่าว่า ตนคบหากับสามีซึ่งเป็นข้าราชการมาหลายปี แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ระหว่างนั้นสามีไปมีหญิงอื่นอีกหลายคน แต่มีคนหนึ่งที่สามีไปจดทะเบียนสมรสด้วย เป็นหญิงที่ไม่ใช่สัญชาติไทย เนื่องจากป่วยและมีลูกกับสามี
ตนสงสารทั้งแม่ทั้งลูก เพราะแม่ก็ป่วย ต้องทำงานเลิกดึกดื่น รายได้ไม่เยอะ ส่วนลูกก็ต้องไปเรียน ต้องไปหาหมอ ที่ผ่านมาตนจึงดูแลเด็กคนนี้มาตลอดตั้งแต่อายุเดือนกว่า จนปัจจุบันอายุ 8 ขวบ เด็กก็เรียกตนว่าแม่
ส่วนสามีไม่ค่อยมีความรับผิดชอบ ไปรับ-ส่งลูกไม่ตรงเวลาจนทางโรงเรียนเรียกพูดคุย ลูกจะต้องไปหาหมอตามนัด แต่สามีก็ไม่อยู่ บางครั้งตนถามหรือมีการพูดเรื่องลูก เช่น ตนบอกให้เอาข้าวของและเอาเสื้อผ้าลูกมาไว้กับตนเลย ตนจะได้ไม่ต้องไปคอยตามเซ้าซี้ แต่สามีก็ไม่พอใจที่ตนพูด หรือบางครั้งตนต่อว่าเรื่องเงินที่สามีนำไปให้ภรรยาใหม่แทนที่จะนำมาดูแลลูก สามีก็โมโห
ช่วง 3 ปีหลัง สามีได้ทำร้ายร่างกายตนอย่างหนัก ทั้งกัดหน้า บีบคอ ใช้ครกทุบหัว ต่อยหน้า ตนวิ่งหนีตายจนไปชนกระจก เย็บหลายสิบเข็ม อีกทั้งโน้ตบุ๊กก็ถูกทุบจนพัง แต่ละครั้งตนได้เข้าแจ้งความ มีทั้งที่ สน.บางยี่เรือ และ สน.บางขุนนนท์ และได้ยื่นคำขาดกับสามีว่าอย่าให้มีครั้งที่ 3 เพราะตนจะไม่ยอม และจะเดินหน้าดำเนินคดีอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายครั้งที่ 3 ก็เกิดขึ้น
ตนร้องเรียนต่อสื่อหวังให้ช่วยเป็นกระบอกเสียง ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดี ตนรู้สึกว่าคดีไม่ค่อยคืบหน้า หวั่นว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
และขณะนี้ นอกจากการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ตนได้เข้าร้องเรียนกับตนสังกัดของสามี หวังให้มาพูดคุยไกล่เกลี่ยเรื่องเงินค่าเสียหาย ยอมรับและสำนึกผิดในการกระทำ ได้รับโทษตามสมควร จากนั้นจะได้แยกย้ายและจบกันไป ซึ่งเงินที่ตนเรียกไปก็ไม่ได้มากมาย และอนาคตอาจต้องใช้เงินนจำนวนนี้เพื่อดูแลลูกของสามีด้วย
แต่หากสามียังดึงดันเหมือนที่ผ่านมา ตนก็จะเดินหน้าเอาผิดทั้งทางคดีความและทางวินัยอย่างถึงที่สุด แม้สามีจะต้องถูกให้ออกจากราชการก่อนเกษียณไม่กี่เดือนก็ตาม เพราะนอกจากตนแล้ว ภรรยาคนอื่นก็ถูกทำร้ายร่างกายเช่นกัน แต่ไม่มีใครกล้าเอาเรื่อง