“ธัญญ่า อาร์สยาม” ไม่ทน ควงสามีเข้าแจ้งความ คนไม่หวังดีโทรป่วนแจ้งกู้ภัย-ตำรวจ ให้มาที่บ้าน ตำรวจออกหมายเรียกครั้งแรก

นักร้องสาว ธัญญ่า อาร์สยาม ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว หลังมีบุคคลไม่หวังดี แจ้งรถพยาบาลจากศูนย์เอราวัณเข้าไปที่บ้าน โทรป่วน แจ้งว่าที่บ้านของธัญญ่า มีคนล้มหมดสติอยู่ภายในห้องน้ำ ซึ่งเวลาดังกล่าวธัญญ่าไม่ได้อยู่ ที่บ้านมีเพียงแค่แม่บ้านอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวเพียงคนเดียว

และในช่วงหัวค่ำในวันเดียวกัน ผู้ก่อเหตุได้ใช้โทรศัพท์หมายเลขเดียวกัน โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ สน.คันนายาว ว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทกันที่บ้านธัญญ่า แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบกลับไม่พบเหตุ

เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 10 ก.ค. ที่ สน.คันนายาว น.ส.ชัชชญา ทวินันท์ หรือ ธัญญ่า อาร์สยาม พร้อมสามีหนุ่มนักธุรกิจ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ราชนัย ชินายศ สว.(สอบสวน) สน.คันนายาว หลังเจ้าหน้าที่ออกหมายเรียกผู้ต้องหาให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาครั้งที่ 1

ธัญญ่า อาร์สยาม เปิดเผยว่า ในวันนี้เป็นการออกหมายเรียกผู้ต้องหาให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ครั้งที่ 1 แต่ผู้ต้องหาไม่ได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา แต่เบื้องต้นทราบตัวผู้ต้องหาแล้ว เป็นหญิงอายุประมาน 50 ปี เพราะได้ตรวจสอบจากเบอร์โทรศัพท์ และยังทราบว่าในสองเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นคนเดียวกันที่ก่อเหตุ

นอกจากนี้ตนได้สอบถามกับทางตำรวจว่า มีโอกาสที่ผู้ต้องหาใช้เบอร์คนอื่นโทรได้หรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บอกว่า อย่างไรก็ตามต้องออกหมายเรียกเจ้าของเบอร์ก่อน หากเจ้าของเบอร์มีความบริสุทธิ์จริง จะต้องเข้ามาแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อเจ้าหน้าที่ และหากวันนี้ผู้ต้องหาไม่เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา จะมีการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 หลังจากนี้อีก 14 วัน และหากครั้งที่ 2 ยังไม่มาจะออกหมายจับตามกระบวนการกฎหมาย

ธัญญ่า อาร์สยาม กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนยืนยันว่าไม่รู้จักกับผู้ต้องหา แต่ตนทราบว่าผู้ต้องหารายดังกล่าวได้มีการใช้ชื่อนี้เปิดเบอร์โทรศัพท์ทั้งหมดสองเบอร์ เบอร์ที่ก่อเหตุได้ปิดใช้งานไปแล้ว แต่อีกหนึ่งเบอร์ตนได้ให้เพื่อนของตนโทรไปแล้วกลับพบว่าเสียงที่รับสายมีลักษณะดัดเสียงเป็นเด็ก และมีการกล่าวว่า “ไม่ได้โทรนะ” ทั้งที่เพื่อนของตนยังไม่ได้มีการสอบถาม ในวันนี้ที่ตนมาเพราะอยากมาเจรจาเนื่องจากยังสามารถเจรจาพูดคุยกันได้ แต่ก็ต้องมีเงื่อนไขกันไป แต่หากเป็นหมายจับแล้วจะต่อรองเงื่อนไขไม่ได้

ทั้งนี้ตนมีความกังวลเล็กน้อยเพราะตนไม่ได้เกิดความเดือดร้อนมาก เพียงแค่ตกใจและหวาดระแวง แต่ครอบครัวก็คอยให้กำลังใจตนอยู่ตลอด ทั้งนี้ตนยังไม่ทราบว่าผู้ต้องหามีอาการทางจิตเวชด้วยหรือไม่