มาร่วมตีแผ่กระแสที่แรงที่สุดในสังคม กับรายการโหนกระแสthaich3ช่อง 3 กด 33
ติดต่อเราfacebooktiktokxyoutube
honekrsaaehonekrsaae
thaich3ช่อง 3 กด 33honekrsaae
ข่าวกำลังโหน
โหนทุกข่าว
โหนบันเทิง
โหนไปมู
โหนร้องทุกข์
วีดีโอ
search
ปิด
honekrsaae
honekrsaae
มาร่วมตีแผ่กระแสที่แรงที่สุดในสังคม กับรายการโหนกระแส
thaich3ช่อง 3 กด 33
หน้าหลัก
ข่าวกำลังโหน
โหนทุกข่าว
โหนบันเทิง
โหนไปมู
โหนร้องทุกข์
วีดีโอ
Live
ติดต่อเราfacebooktiktokxyoutube

เพื่อนครูร่ำไห้ตามหา ‘ครูวี’ เจอมรสุมชีวิต โรครุมเร้า ตัดสินใจลาออกไปเป็นกรรมกร นำเงินบำเหน็จไปใช้หนี้


ภูมิภาค
6 พฤศจิกายน 25679,179
เพื่อนครูร่ำไห้ตามหา ‘ครูวี’ เจอมรสุมชีวิต โรครุมเร้า ตัดสินใจลาออกไปเป็นกรรมกร นำเงินบำเหน็จไปใช้หนี้

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.บ้านค้อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม กรณีมีข่าวว่าครูชำนาญการพิเศษลาออกไปเป็นกรรมกรก่อสร้างในกรุงเทพฯ หลังประสบมรสุมชีวิตอย่างเดียวดาย และล้มป่วยสารพัดโรค จึงตัดสินใจลาออก เพื่อรับเงินบำเหน็จนำไปใช้หนี้

 

โรงเรียนดังกล่าวสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครพนม (สพม.นครพนม) รอง ผอ. รักษาราชการแทน ยอมรับว่ามีครูลาออกจากราชการจริง เป็นชาย อายุ 45 ปี ครูชำนาญการพิเศษ สอนวิชาคณิตสาสตร์ พร้อมเปิดเผยว่า แม้ตนจะได้สัมผัสกับครูวีในระยะสั้นๆ เนื่องจากเพิ่งย้ายมาปฏิบัติราชการได้ 6 เดือนเศษ แต่ครูวีมีความรับผิดชอบต่องานที่มอบหมายให้เป็นอย่างดี

 

ครูวีลาออกเมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา โดยหนังสือขอลาออกจากราชการได้วางไว้ที่โต๊ะของ ผอ. ครูทั้งโรงเรียนตกใจมาก จึงได้โทรศัพท์สอบถามเหตุผลจากครูวี แต่เจ้าตัวตัดสินใจแล้ว จึงส่งหนังสือฉบับดังกล่าวเสนอต่อ สพม.นครพนม ลงนาม ทำให้ครูวีขาดจากข้าราชการครู โดยเวลานั้นไม่มีใครรู้ที่อยู่ของครู ยอมรับว่าโรงเรียนขาดครูดีๆ ไป แต่ก็ต้องเคารพการตัดสินใจ

 

ครูวี ลาออกจากราชการไปเป็นกรรมกร

 

ด้านครูน้อย สอนวิชาเคมี ซึ่งถือเป็นคนที่ครูวีเคารพนับถือที่สุด ได้เปิดเผยว่า ครูวีเป็นคน จ.อุบลราชธานี หลังสอบข้าราชการครูได้ก็มาบรรจุที่นี่เป็นสถานที่แรก และปักหลักอยู่ถาวรนานถึง 22 ปี เท่ากับอายุราชการ

 

จากนั้นครูน้อยเริ่มมีน้ำตาไหลลอดแว่นตา ก่อนจะมีเสียงสะอื้นตามมา เนื่องจากสงสารในชะตากรรมของครูวี พร้อมเล่าว่า เมื่อก่อนครูวีเป็นคนสดใสร่าเริง ตนสนิทสนมกับน้องคนนี้ที่สุด ตนกับสามีเห็นว่าครูวีเป็นคนต่างถิ่น อยู่ตัวคนเดียว จึงชวนมากินข้าวที่บ้าน จนมีคนแซวว่าตนมีลูก 3 คน โดย 2 คนนั้นเป็นลูกจริงๆ ส่วนคนที่ 3 คือครูวีนั่นเอง

 

กระทั่งครูวีได้สร้างบ้านหนึ่งหลัง เพื่อเตรียมเข้าสู่ประตูวิวาห์กับหญิงในหมู่บ้านที่มีการหมั้นหมายกันไว้ แต่ต่อมาคุณแม่ครูวีล้มป่วยและเสียชีวิตที่ จ.อุบลฯ ครูวีจึงได้รับคุณพ่อและพี่ชายมาอยู่ด้วย ถึงตอนนี้เริ่มมีปัญหาชีวิต เพราะคุณพ่อป่วยเป็นโรคไต ก่อนจะเสียชีวิตตามคุณแม่ไป เว้นระยะเพียงปีเศษเท่านั้น มรสุมชีวิตหนักเพิ่มขึ้นอีกเมื่อพี่ชายได้ล้มป่วยอีกคน ครูวีต้องตัดสินใจขายบ้านเพื่อนำเงินมารักษาพี่ชาย ก่อนพี่ชายจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

หลังจากนั้นแฟนสาวก็ได้ขอถอนหมั้น โดยอ้างเหตุผลว่าเราไปกันไม่ได้ ทำให้ครูวีเครียดเป็นทวีคูณ จากคนร่าเริงกลายเป็นคนเก็บตัวเงียบ หันไปพึ่งเหล้าเป็นเพื่อน ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร และดื่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง ตามด้วยโรคเบาหวาน กินยาตามแพทย์สั่ง แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดดื่มเหล้า กระทั่งป่วยด้วยโรคไตระยะสุดท้าย แพทย์บอกว่าต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 3 วัน แต่น่าจะอยู่ได้ไม่เกิน 2 ปี จึงเป็นเหตุผลให้ครูวีปฏิเสธการรักษาทุกชนิด และเลิกกินยาลดความดันรวมทั้งโรคเบาหวาน

 

ไม่มีใครคาดคิดว่าครูวีจะยื่นหนังสือลาออก แม้จะมีการยื้อใบลาออกไว้เพื่อโน้มน้าวให้เปลี่ยนใจ ตนบอกว่าอดทนเอา อีก 2 ปี ค่อยลาออกเพื่อได้บำนาญ หากลาออกตอนนี้จะได้แค่เงินบำเหน็จ และไม่ได้สิทธิ์รักษาพยาบาล แต่คิดว่าครูวีรู้ตัวว่าคงอยู่ไม่ถึง จึงเลือกที่จะขอลาออกเพื่อได้เงินบำเหน็จประมาณ 1.8 ล้านบาท ทราบว่านำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้หนี้นอกระบบ ส่วนเงินกู้ในระบบที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูมัธยมศึกษานครพนม จำนวน 3 ล้านบาท มีเพื่อนครูรวม 6 คน เซ็นค้ำประกัน หนึ่งในนั้นก็มีตนรวมอยู่ด้วย

 

หลังจากครูวีลาออกแล้ว ทราบว่าได้ไปทำงานเป็นกรรมกรก่อสร้างอยู่ในกรุงเทพฯ อยู่ในแคมป์คนงาน เป็นแรงงานไร้ฝีมือ เนื่องจากไม่มีประสบการด้านงานก่อสร้างมาก่อน และด้วยการปฏิเสธการรักษารวมทั้งงดกินยารักษาโรคทุกชนิด ทำให้ขาเริ่มบวมและมีแผลจากการถูกปูนกัดเท้า

 

ตนในฐานะที่ครูวีนับถือเป็นพี่สาวคนหนึ่ง จึงวิงวอนให้ครูวีกลับมาที่ ต.บ้านค้อ ทุกคนพร้อมจะช่วยกันดูแลรักษาให้ถึงที่สุด เพราะตอนนี้ครูวีเท่ากับว่าไร้ญาติขาดมิตร

 

“หากครูวีเห็นภาพข่าวในสื่อต่างๆแล้ว ขอให้กลับมา พวกพี่ต้องการช่วยเหลือ ไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้สินใดๆ ทุกคนต่างเห็นใจครูวีทั้งนั้น กลับมาเถอะน้อง” ครูน้อยพูดไปปาดน้ำตาไป

 

 

 


แท็กที่เกี่ยวข้อง
#ตามหาครูวี#มรสุมชีวิต#โรคเรื้อรัง