ระทึก 28 ชีวิต! รถทัวร์ชนยับรถพ่วงบรรทุกท่อนไม้ยางพารา ดับคาที่ 2 กระบะอีก 2 คัน เบรกไม่ทันเสยซ้ำ

เมื่อเวลา 22.30 น.ที่ผ่านมา สภ.ท่าแซะ ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารประจำทางชนกับรถพ่วงบรรทุกท่อนไม้ยางพารา บนถนนสายเพชรเกษม บริเวณจุดกลับรถหน้าป้อมตำรวจทางหลวงเขาพาง ตำบลท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายและมีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย จุดเกิดเหตุอยู่ฝั่งขาขึ้นกรุงเทพมหานคร พบรถทัวร์โดยสารร่วม บขส.ประจำทาง กรุงเทพ-ระนอง สีขาว แถบฟ้าเหลือง จอดอยู่ช่องทางขวา สภาพด้านหน้าพังเสียหายยับ เพราะไปชนเสยท้ายรถพ่วง ซึ่งบรรทุกท่อนไม้ยางพารามาเต็มคัน ที่กำลังจะหันหัวกลับรถ ทำให้เศษชิ้นส่วนรถและท่อนไม้ยางพาราตกเกลื่อนถนน

ขณะที่บริเวณเกิดเหตุมีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บหลายราย หน่วยกู้ภัยกู้ชีพเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้นในที่เกิดเหตุ ก่อนนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งชายหญิงส่งโรงพยาบาล ซึ่งอยู่ในระหว่างตรวจสอบข้อมูลที่แท้จริงว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนกี่ราย ตรวจสอบพบอีกว่ามีคนขับรถทัว ถูกส่วนหน้ารถอัดก๊อปปี้ติดคาพวงมาลัยบนเบาะนั่งคนขับเสียชีวิตทันที ข้างกันพบร่างของพนักงานบัสโฮสเตสหรือพนักงานต้อนรับสาว ถูกชิ้นส่วนรถอัดก๊อปปี้นั่งเสียชีวิตอยู่บนเบาะบริเวณส่วนกลางหน้ารถใกล้คนขับ หน่วยกู้ภัยใช้เครื่องตัดถ่างงัดซากรถนำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน ออกจากตัวรถส่งแพทย์ชันสูตรพลิกศพอีกครั้ง

ในที่เกิดเหตุยังมีรถยนต์กระบะตอนเดียว สภาพรถด้านหน้าไปชนท้ายรถทัวร์พังยับเสียหายหนัก และกระบะท้ายถูกรถอีซูซุ ดีแมกซ์ สี่ประตูสีฟ้า เบรกไม่ทันชนท้ายอีกที ซึ่งเจ้าของรถกระบะทั้ง 2 คันไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด จากการสอบถามคนขับรถพ่วงบรรทุกท่อนไม้ยางพารา เล่าว่า ขับรถมาจากตำบลปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง ไปส่งไม้ที่จังหวัดตรัง โดยรับว่าตนเองให้สัญญาณไฟทุกอย่างแล้ว แต่กำลังจะกลับหัวรถเพื่อเติมก๊าซที่ปั๊มได้ยินเสียงดังตูมเดียวเลย

ส่วนนายศรณ์ฉัตร เจ้าของรถกระบะที่ขับตามหลังรถทัวร์ เล่าว่า ตนขับอยู่เลนซ้ายความเร็วปกติประมาณ 80 กม./ชม.จังหวะนั้นเหตุเกิดขึ้นเร็วมาก รถชนท้ายรถทัวร์เลย พอรู้ตัวอีกทีมีล้อรถขวางอยู่แล้ว สอบสวนทราบว่า รถทัวร์คันดังกล่าวได้รับผู้โดยสารมาจากจังหวัดระนองจำนวน 24 คน คนขับ 2 คน พนักงานสาวบัสโฮสเตสจำนวน 2 คน รวมทั้งคนมาด้วยกัน 28 ชีวิต จนมาเกิดเหตุดังกล่าว ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์และเก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ เพื่อหาสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ที่มา : ข่าวสด