ชายชาว จ.ฉะเชิงเทรา ได้ร้องเรียนมายังเพจโหนกระแสว่า เมียน้อยของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ หลอกให้หาเงินและช่วยกู้เงินนอกระบบ แรกๆ ก็ส่งคืนให้ แต่หลังๆ ไม่คืน ถ้าตนไม่ยอมหาให้ก็จะใช้วิธีลำเลิกบุญคุณ ข่มขู่ จนตอนนี้ยอดหนี้สูงถึง 9 แสนกว่า ทำให้ตอนนี้ครอบครัวตนลำบากมาก
ชายผู้ร้องเรียน เล่าว่า รู้จักกับหญิงคู่กรณีมานานนับ 10 ปี ที่ผ่านมาลูกสาวตนป่วย ต้องไปกู้นอกระบบและทำงานขับรถรับจ้าง รับ-ส่งของ ซื้อของ ขนของ ทำทุกอย่างเพื่อใช้หนี้และหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายลูก คู่กรณีซึ่งเป็นหนึ่งในลูกค้าของตนก็เมตตา ให้ทิปหลักร้อยเพื่อช่วยค่ารักษาและเป็นค่าขนมให้ลูก บางครั้งเขาบอกว่าถูกหวยก็จะให้ 500-1,000 บาท
วันหนึ่งคู่กรณีมาบอกว่าเดือดร้อนเรื่องเงิน ขอยืมเงินตนหลักพัน ตนพอช่วยได้ก็ช่วย แต่หลังจากนั้นก็ขอยืมมากขึ้น พอตนไม่มีก็บอกให้ช่วยไปกู้นอกระบบมาให้ ตนก็ช่วยเพราะถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ
แรกๆ คู่กรณีก็คืนเงิน แต่หลังๆ เริ่มให้กู้ในยอดที่สูงขึ้นเป็นหลักแสน แต่มักจะไม่ใช้คืนตามกำหนด มีข้ออ้างและบ่ายเบี่ยงตลอด เช่น ผัวป่วยหนัก พ่อต้องผ่าตัด ตัวเองป่วยต้องรักษา จำเป็นต้องใช้เงิน รอเมียหลวงมาใช้ให้ รอไฟแนนซ์รถยนต์อนุมัติยอดต่างๆ นานา หากไม่หาเงินก้อนใหม่ให้ก็จะไม่มีเงินไปหมุน ไม่มีเงินมาคืนยอดเก่า บางครั้งหนักถึงขั้นลำเลิกบุญคุณ และข่มขู่ว่าจะฟ้องตนเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้นอกระบบ ทั้งๆ ที่เป็นคนบอกให้ตนไปกู้มาให้
เงินก้อนใหญ่ก้อนแรก 2 แสนบาท ตนใช้คืนแทนคู่กรณีไปแล้ว เพราะถือว่าเป็นการทดแทนบุญคุณ จะได้จบกันไป แต่ส่วนอื่นๆ ตนคงรับผิดชอบให้ไม่ได้ ตอนนี้ยอดหนี้เฉพาะเงินต้นรวมกว่า 9 แสนบาท ตนต้องจ่ายดอกเบี้ยแทน ทำให้ครอบครัวลำบาก ลูกๆ ต้องมาช่วยตนทำงาน ช่วยหาเงิน ทั้งๆ ที่ยังต้องเรียน ยังดีที่เจ้าหนี้หลายรายเข้าใจตนและรับรู้รับทราบข้อเท็จจริงว่าตนกู้ยืมไปให้ใคร จึงยกดอกเบี้ยให้ และไม่ได้มาไล่บี้เอาเรื่องกับตน แต่เงินต้นของเขาเขาก็อยากได้คืน
นอกจากนี้ คู่กรณียังเคยไปฟ้องเมียหลวง ให้เมียหลวงมาด่าทอต่อว่าตนเรื่องดอกเบี้ยที่สูง ตนจึงบอกไปว่าเงินนั้นคู่กรณีรับรู้รับทราบเงื่อนไข และเป็นคนบอกให้ตนหากู้มาให้ บอกเองว่าดอกเบี้ยร้อยละ 10-20 ก็เอา ตนไม่ได้ปล่อยเป็นคนปล่อยกู้ ไม่ได้เป็นเจ้าของเงิน
ตนไร้หนทางต่อสู้เพราะคู่กรณีก็เคยอยู่ในแวดวงเงินกู้นอกระบบ วงแชร์ พอมีปัญหากันขึ้นมาเขาก็จะตั้งทนายฟ้อง ไม่ว่าจะเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ก็แพ้เขาหมด แล้วเขาก็เอาช่องทางตรงนี้มาข่มขู่ตน ไปแจ้งความตำรวจก็รับเพียงลงบันทึกประจำวัน เนื่องจากเป็นคดีแพ่ง ส่วนทนายอาสาคนหนึ่งก็บอกว่ายากที่จะได้เงินคืน แม้จะฟ้องร้องไปแต่หากเขาไม่มีเงินไม่มีทรัพย์สินตนก็เสียเวลาเปล่า
ตอนนี้ตนเพียงต้องการให้คู่กรณีมามารับผิดชอบเงินต้น 9 แสนกว่าบาท ไม่ได้คิดดอกเบี้ย เรื่องทุกอย่างจะได้จบ ลูกเมียตนจะได้ไม่ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย ตนไม่คิดเลยจริงๆ ว่าคนที่ตนมองเป็นผู้มีพระคุณจะทำกับตนแบบนี้